สำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎีกำ - ๖ - สำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎีกำ สำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎีกำ สำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎีกำ สำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎีกำ สำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎีกำ สำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎีกำ สำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎีกำ สำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎีกำ สำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎีกำ สำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎีกำ สำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎีกำ สำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎีกำ สำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎีกำ สำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎีกำ สำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎีกำ สำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎีกำ สำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎีกำ สำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎีกำ สำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎีกำ สำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎีกำ สำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎีกำ สำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎีกำ สำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎีกำ สำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎีกำ สำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎีกำ สำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎีกำ สำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎีกำ สำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎีกำ สำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎีกำ สำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎีกำ สำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎีกำ สำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎีกำ สำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎีกำ สำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎีกำ สำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎีกำ สำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎีกำ สำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎีกำ สำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎีกำ สำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎีกำ สำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎีกำ สำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎีกำ สำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎีกำ สำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎีกำ สำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎีกำ สำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎีกำ สำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎีกำ สำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎีกำ สำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎีกำ สำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎีกำ สำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎีกำ สำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎีกำ สำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎีกำ สำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎีกำ มำตรำ ๓ บุคคลย่อมมีกรรมสิทธิ์ในที่ดิน ในกรณีต่อไปนี้ (๑) ได้มำซึ่งกรรมสิทธิ์ตำมบทกฎหมำยก่อนวันที่ประมวลกฎหมำยนี้ใช้บังคับ หรือ ได้มำซึ่งโฉนดที่ดินตำมบทแห่งประมวลกฎหมำยนี้ (๒) ได้มำซึ่งกรรมสิทธิ์ตำมกฎหมำยว่ำด้วยกำรจัดที่ดินเพื่อกำรครองชีพ หรือ กฎหมำยอื่น มำตรำ ๔ ภำยใต้บังคับมำตรำ ๖ บุคคลใดได้มำซึ่งสิทธิครอบครองในที่ดินก่อนวันที่ ประมวล ฎหม ยนี้ใช้บังคับ ให้มีสิทธิครอบครองสืบไปและให้คุ้มครองตลอดถึงผู้รับโอนด้วย มำตรำ ๔ ทวิ ๖ นับตั้งแต่วันที่ประกำศของคณะปฏิวัติฉบับนี้ใช้บังคับ กำรโอน กรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองในที่ดินซึ่งมีโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองกำรทำประโยชน์ ต้องทำเป็น หนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงำนเจ้ำหน้ำที่ มำตรำ ๕ ผู้ใดมีควำมประสงค์เวนคืนสิทธิในที่ดินให้แก่รัฐ ให้ยื่นคำขอเวนคืนต่อ พนักงำนเจ้ำหน้ำที่ตำมมำตรำ ๗๑ มำตรำ ๖ ๗ นับตั้งแต่วันที่ประกำศของคณะปฏิวัติฉบับนี้ใช้บังคับ บุคคลใดมีสิทธิใน ที่ดินตำมโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองกำรทำประโยชน์ หำกบุคคลนั้นทอดทิ้งไม่ทำประโยชน์ในที่ดิน หรือปล่อยที่ดินให้เป็นที่รกร้ำงว่ำงเปล่ำ เกินกำหนดเวลำดังต่อไปนี้ (๑) สำหรับที่ดินที่มีโฉนดที่ดิน เกินสิบปีติดต่อกัน (๒) สำหรับที่ดินที่มีหนังสือรับรองกำรทำประโยชน์ เกินห้ำปีติดต่อกัน ให้ถือว่ำเจตนำสละสิทธิในที่ดินเฉพำะส่วนที่ทอดทิ้งไม่ทำประโยชน์ หรือที่ปล่อยให้ เป็นที่รกร้ำงว่ำงเปล่ำ เมื่ออธิบดีได้ยื่นคำร้องต่อศำล และศำลได้สั่งเพิกถอนหนังสือแสดงสิทธิในที่ดิน ดังกล่ำว ให้ที่ดินนั้นตกเป็นของรัฐเพื่อดำเนินกำรตำมประมวลกฎหมำยนี้ต่อไป มำตรำ ๗ ๘ (ยกเลิก) มำตรำ ๘ ๙ บรรดำที่ดินทั้งหลำยอันเป็นสำธำรณสมบัติของแผ่นดิน หรือเป็นทรัพย์สิน ของแผ่นดินนั้น ถ้ำไม่มีกฎหมำยกำหนดไว้เป็นอย่ำงอื่น ให้อธิบดีมีอำนำจหน้ำที่ดูแลรักษำ และ ๖ มำตรำ ๔ ทวิ เพิ่มโดยประกำศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๙๖ ลงวันที่ ๒๙ กุมภำพันธ์ พุทธศักรำช ๒๕๑๕ ๗ มำตรำ ๖ แก้ไขเพิ่มเติมโดยประกำศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๙๖ ลงวันที่ ๒๙ กุมภำพันธ์ พุทธศักรำช ๒๕๑๕ ๘ มำตรำ ๗ ยกเลิกโดยพระรำชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมำยที่ดิน (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๒๖ ๙ มำตรำ ๘ แก้ไขเพิ่มเติมโดยประกำศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๓๓๔ ลงวันที่ ๑๓ ธันวำคม พุทธศักรำช ๒๕๑๕
Made with FlippingBook
RkJQdWJsaXNoZXIy Mzk3MzI3