สำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎีกำ - ๖๙ - สำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎีกำ สำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎีกำ สำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎีกำ สำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎีกำ สำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎีกำ สำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎีกำ สำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎีกำ สำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎีกำ สำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎีกำ สำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎีกำ สำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎีกำ สำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎีกำ สำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎีกำ สำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎีกำ สำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎีกำ สำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎีกำ สำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎีกำ สำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎีกำ สำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎีกำ สำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎีกำ สำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎีกำ สำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎีกำ สำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎีกำ สำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎีกำ สำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎีกำ สำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎีกำ สำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎีกำ สำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎีกำ สำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎีกำ สำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎีกำ สำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎีกำ สำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎีกำ สำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎีกำ สำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎีกำ สำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎีกำ สำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎีกำ สำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎีกำ สำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎีกำ สำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎีกำ สำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎีกำ สำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎีกำ สำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎีกำ สำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎีกำ สำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎีกำ สำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎีกำ สำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎีกำ สำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎีกำ สำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎีกำ สำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎีกำ สำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎีกำ สำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎีกำ สำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎีกำ สำนักงำนคณะกรรมกำรกฤษฎีกำ อ่ำน หรือถือว่ำได้อ่ำนคำพิพำกษำหรือคำสั่งให้คู่ควำมฝ่ำยที่อุทธรณ์ฟัง ๑๓๐ ให้เป็นหน้ำที่ศำลชั้นต้นตรวจอุทธรณ์ว่ำควรจะรับส่งขึ้นไปยังศำลอุทธรณ์หรือไม่ ตำมบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมำยนี้ ถ้ำเห็นว่ำไม่ควรรับให้จดเหตุผลไว้ในคำสั่งของศำลนั้นโดย ชัดเจน ในกรณีที่ตำมคำพิพำกษำจำเลยต้องรับโทษจำคุกหรือโทษสถำนที่หนักกว่ำนั้นและ จำเลยไม่ได้ถูกคุมขัง จำเลยจะยื่นอุทธรณ์ได้ต่อเมื่อแสดงตนต่อเจ้ำพนักงำนศำลในขณะยื่นอุทธรณ์ มิฉะนั้น ให้ศำลมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ ทั้งนี้ ประธำนศำลฎีกำอำจออกข้อบังคับกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีกำร และเงื่อนไขกำรแสดงตนของจำเลยก็ได้ ข้อบังคับนั้น เมื่อประกำศในรำชกิจจำนุเบกษำแล้ว ให้ใช้บังคับได้ ๑๓๑ ควำมในวรรคสำมมิให้ใช้บังคับแก่กรณีที่จำเลยได้รับกำรรอกำรลงโทษจำคุก หรือรับโทษ จำคุกตำมคำพิพำกษำครบถ้วนแล้ว ๑๓๒ มำตรำ ๑๙๘ ทวิ ๑๓๓ เมื่อศำลชั้นต้นปฏิเสธไม่ยอมรับอุทธรณ์ ผู้อุทธรณ์อำจอุทธรณ์ เป็นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของศำลนั้นต่อศำลอุทธรณ์ได้ คำร้องเช่นนี้ให้ยื่นที่ศำลชั้นต้นภำยในกำหนด สิบห้ำวันนับแต่วันฟังคำสั่ง แล้วให้ศำลนั้นรีบส่งคำร้องเช่นว่ำนั้นไปยังศำลอุทธรณ์พร้อมด้วยอุทธรณ์ และคำพิพำกษำหรือคำสั่งของศำลชั้นต้น ๑๓๔ เมื่อศำลอุทธรณ์เห็นสมควรตรวจสำนวนเพื่อสั่งคำร้องเรื่องนั้น ก็ให้สั่งศำลชั้นต้นส่ง มำให้ ให้ศำลอุทธรณ์พิจำรณำคำร้องนั้นแล้วมีคำสั่งยืนตำมคำปฏิเสธของศำลชั้ นต้น หรือมีคำสั่งให้รับอุทธรณ์ คำสั่งนี้ให้เป็นที่สุดแล้วส่งไปให้ศำลชั้นต้นอ่ำน มำตรำ ๑๙๙ ผู้อุทธรณ์ซึ่งต้องขังหรือต้องจำคุกอยู่ในเรือนจำ อำจยื่นอุทธรณ์ต่อ พัศดีภำยในกำหนดอำยุอุทธรณ์ เมื่อได้รับอุทธรณ์นั้นแล้ว ให้พัศดีออกใบรับให้แก่ผู้ยื่นอุทธรณ์ แล้วให้ รีบส่งอุทธรณ์นั้นไปยังศำลชั้นต้น อุทธรณ์ฉบับใดที่ยื่นต่อพัศดีส่งไปถึงศำลเมื่อพ้นกำหนดอำยุอุทธรณ์แล้วถ้ำปรำกฏว่ำ กำรส่งชักช้ำนั้นมิใช่เป็นควำมผิดของผู้ยื่นอุทธรณ์ ให้ถือว่ำเป็นอุทธรณ์ที่ได้ยื่นภำยในกำหนดอำยุ อุทธรณ์ ๑๓๐ มำตรำ ๑๙๘ วรรคหนึ่ง แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระรำชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมำย วิธีพิจำรณำควำมอำญำ (ฉบับที่ ๑๗) พ.ศ. ๒๕๓๒ ๑๓๑ มำตรำ ๑๙๘ วรรคสำม เพิ่มโดยพระรำชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมำยวิธีพิจำรณำ ควำมอำญำ (ฉบับที่ ๓๒) พ.ศ. ๒๕๕๙ ๑๓๒ มำตรำ ๑๙๘ วรรคสี่ เพิ่มโดยพระรำชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมำยวิธีพิจำรณำ ควำมอำญำ (ฉบับที่ ๓๒) พ.ศ. ๒๕๕๙ ๑๓๓ มำตรำ ๑๙๘ ทวิ เพิ่มโดยพระรำชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมำยวิธีพิจำรณำ ควำมอำญำ (ฉบับที่ ๘) พ.ศ. ๒๕๑๗ ๑๓๔ มำตรำ ๑๙๘ ทวิ วรรคหนึ่ง แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระรำชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวล กฎหมำยวิธีพิจำรณำควำมอำญำ (ฉบับที่ ๑๗) พ.ศ. ๒๕๓๒
Made with FlippingBook
RkJQdWJsaXNoZXIy Mzk3MzI3