สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา - ๑๗ - สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ในกรณีที่มีเหตุบังคับหลักประกัน และผู้รับหลักประกันประสงค์ที่จะบังคับ หลักประกันทันทีให้ผู้บังคับหลักประกันมีคําวินิจฉัยบังคับหลักประกัน แต่หากผู้รับหลักประกัน ยินยอมผ่อนผันให้แก่ผู้ให้หลักประกันเป็นหนังสือโดยให้ถือว่ายังไม่เคยมีเหตุบังคับหลักประกัน ดังกล่าวเกิดขึ้น ให้วินิจฉัยว่าไม่มีเหตุบังคับหลักประกันและให้บันทึกคํายินยอมของผู้รับหลักประกัน ไว้ในคําวินิจฉัย ในกรณีที่ไม่มีเหตุบังคับหลักประกัน ให้ผู้บังคับหลักประกันมีคําวินิจฉัยว่าไม่มีเหตุ บังคับหลักประกัน คําวินิจฉัยต้องทําเป็นหนังสือและต้องประกอบด้วยสรุปข้อเท็จจริง ข้อกฎหมายที่ เกี่ยวข้องเหตุผลในการวินิจฉัย ลายมือชื่อของผู้บังคับหลั ป ะกัน และวันที่มีคําวินิจฉัย มาตรา ๖๘ ผู้บังคับหลักประกันต้องวินิจฉัยคําร้องขอบังคับหลักประกันให้แล้วเสร็จ ภายในสิบห้าวันนับแต่วันไต่สวนข้อเท็จจริงวันแรก มาตรา ๖๙ ให้ผู้บังคับหลักประกันมีหนังสือแจ้งคําวินิจฉัยตามมาตรา ๖๗ ให้ลูกหนี้ ผู้ให้หลักประกัน ผู้รับหลักประกัน และเจ้าหนี้อื่นซึ่งมีบุริมสิทธิเหนือทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันเท่าที่ ปรากฏรายชื่อในหลักฐานทางทะเบียนทราบโดยทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับหรือโดยวิธีการอื่นที่ แสดงว่าผู้รับได้รับหนังสือแล้ว ในกรณีที่มีคําวินิจฉัยบังคับหลักประกัน ให้ผู้บังคับหลักประกันมี หนังสือแจ้งคําวินิจฉัยดังกล่าวให้เจ้าพนักงานทะเบียน นายทะเบียน หรือนายทะเบียนนิติบุคคลที่ เกี่ยวข้องทราบด้วย เมื่อได้รับแจ้งคําวินิจฉัยตามวรรคหนึ่ง ให้เจ้าพนักงานทะเบียน นายทะเบียน หรือ นายทะเบียนนิติบุคคลที่เกี่ยวข้องจดบันทึกคําวินิจฉัยดังกล่าวไว้ในทะเบียนโดยเร็ว มาตรา ๗๐ ห้ามมิให้คัดค้านคําวินิจฉัยตามมาตรา ๖๗ เว้นแต่การไต่สวนข้อเท็จจริง เพื่อมีคําวินิจฉัยนั้นไม่ถูกต้องตามหลักเกณฑ์และวิธีการตามมาตรา ๖๖ หรือคําวินิจฉัยนั้นบกพร่องใน ข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายอันเป็นสาระสําคัญ ให้ผู้คัดค้านคําวินิจฉัยตามวรรคหนึ่ง ยื่นคําร้องต่อศาลภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ ได้รับหนังสือแจ้งคําวินิจฉัย การร้องคัดค้านตามมาตรานี้ไม่เป็นเหตุทุเลาการบังคับหลักประกันตามคําวินิจฉัย บังคับหลักประกัน เมื่อได้รับคําร้องตามวรรคสอง ศาลอาจกําหนดให้ผู้ยื่นคําร้องวางประกันหรือให้ หลักปรั นตามจํานวนที่ศาลเห็นสมควรก็ได้ หากผู้ยื่นคําร้องไม่วางประกันหรือให้หลักประกันตา ที่ ศาลกําหนดให้ศาลมีคําสั่งยกคําร้อง ให้ศาลกําหนดวันนัดพิจารณาคําร้องตามวรรคสองโดยเร็ว และให้นั่งพิจารณาคดี ติดต่อกันทุกวันจนกว่าจะเสร็จการพิจารณาและมีคําพิพากษาหรือคําสั่ง เว้นแต่กรณีมีพฤติการณ์ พิเศษอันมิอาจก้าวล่วงได้ ในกรณีที่ศาลเห็นว่ามีเหตุคัดค้านตามวรรคหนึ่ง ให้ศาลมีคําพิพากษาเพิกถอนคํา วินิจฉัยตามมาตรา ๖๗ โดยอาจเพิกถอนทั้งหมดหรือแต่บางส่วนก็ได้ ในการนี้ ศาลอาจกําหนดให้ผู้ บังคับหลักประกันวินิจฉัยคําร้องขอบังคับหลักประกันส่วนที่ถูกเพิกถอนนั้นใหม่ โดยให้นําบทบัญญัติ

RkJQdWJsaXNoZXIy Mzk3MzI3