สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา - ๑๘ - สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา มาตรา ๖๘ และมาตรา ๖๙ มาใช้บังคับแก่การวินิจฉัยคําร้องขอบังคับหลักประกันส่วนที่ถูกเพิกถอน นั้นโดยอนุโลม หรือหากพยานหลักฐานตามที่ปรากฏในสํานวนเพียงพอแก่การวินิจฉัย ศาลอาจ พิพากษาแก้ไขและมีคําสั่งตามที่เห็นสมควรก็ได้ ในกรณีที่ศาลเห็นว่าไม่มีเหตุคัดค้านตามวรรคหนึ่ง ให้ศาลมีคําสั่งยกคําร้อง คําพิพากษาหรือคําสั่งของศาลตามมาตรานี้ให้เป็นที่สุด มาตรา ๗๑ ในกรณีที่ผู้บังคับหลักประกันมีคําวินิจฉัยบังคับหลักประกันให้อํานาจ หน้าที่ในการจัดการกิจการที่เป็นหลักประกันของผู้ให้หลักประกันเป็นอันสิ้นสุดลง และให้อํานาจ หน้าที่ดัง ล่าวั บทั้งให้บรรดาสิทธิตามกฎหมายของผู้ถือหุ้นหรือผู้เป็นหุ้นส่วนของผู้ให้หลักประกันใน กิจการที่เป็นหลักประกันยกเว้นสิทธิที่จะได้รับเงินปันผลตกแก่ผู้บังคับหลักประกันทันที และห้ามมิให้ เจ้าหนี้ตามคําพิพากษาอื่นยึดหรืออายัดกิจการที่เป็นหลักประกัน แต่ให้เจ้าหนี้ดังกล่าวมีหนังสือแจ้งไป ยังผู้บังคับหลักประกันเพื่อขอเฉลี่ยทรัพย์สินหรือเงินที่ได้จากการจําหน่ายกิจการนั้น มาตรา ๗๒ ภายในเจ็ดวันเมื่อได้รับคําวินิจฉัยบังคับหลักประกัน ผู้ให้หลักประกัน ต้องส่งมอบกิจการที่เป็นหลักประกัน ดวงตรา สมุดบัญชี และเอกสารเกี่ยวกับทรัพย์สิน หนี้สิน ตลอดจนสิทธิต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการประกอบกิจการที่เป็นหลักประกันให้แก่ผู้บังคับหลักประกัน เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าตนไม่สามารถดําเนินการดังกล่าวได้เพราะเหตุสุดวิสัย ในกรณีดังกล่าวผู้ให้ หลักประกันต้องแจ้งเหตุนั้นให้ผู้บังคับหลักประกันทราบภายในเจ็ดวันนับแต่วันที่ทราบเหตุดังกล่าว และต้องดําเนินการดังกล่าวภายในระยะเวลาที่ผู้บังคับหลักประกันกําหนด หากผู้ให้หลักประกันไม่ดําเนินการตา วร คหนึ่ง ผู้บังคับหลักประกันอาจยื่นคํา้ อง ต่อศาลเพื่อยึดหรืออายัดกิจการที่เป็นหลักประกันและส่งมอบให้แก่ผู้บังคับหลักประกัน เมื่อศาลมี คําสั่งดังกล่าวให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดําเนินการยึดหรืออายัดกิจการที่เป็นหลักประกันเพื่อส่งมอบ ให้แก่ผู้บังคับหลักประกันตามคําสั่งศาล เพื่อประโยชน์แห่งการนี้ ให้เจ้าพนักงานบังคับคดีมีอํานาจ และหน้าที่เช่นเดียวกับผู้บังคับหลักประกันในการจัดการกิจการที่เป็นหลักประกันของผู้ให้หลักประกัน เป็นการชั่วคราวในระหว่างที่ยังมิได้ส่งมอบกิจการนั้นให้แก่ผู้บังคับหลักประกัน มาตรา ๗๓ ให้ผู้บังคับหลักประกันมีอํานาจหน้าที่บํารุงรักษา จัดการและดําเนิน กิจการที่เป็นหลักประกันจนกว่าจะจําหน่ายกิจการที่เป็นหลักประกันได้ ตรวจสอบและประเมินราคา กิจการที่เป็นหลักประกัน กําหนดวิธีการที่เหมาะสมในการจํ หน่ายกิจกา ที่เป็นหลักประกัน ดําเนินการจําหน่ายกิจการที่เป็นหลักประกัน และจัดสรรเงินที่ได้จากการจําหน่ายกิจการที่เป็น หลักปรั นตามมาตรา ๗๔ เพื่อประโยชน์แห่งการนี้ ผู้บังคับหลักประกันอาจจําหน่ายจ่ายโอน เช่า ให้เช่า ชําระหนี้ ก่อหนี้ หรือกระทําการใด ๆ ที่ก่อให้เกิดภาระในกิจการที่เป็นหลักประกันได้เพียง เท่าที่จําเป็นเพื่อให้กิจการสามารถดําเนินการต่อไปได้ ให้ถือว่าการดําเนินการของผู้บังคับหลักประกันตามวรรคหนึ่งเป็นการดําเนินการโดย มติที่ประชุมใหญ่ผู้ถือหุ้นหรือข้อตกลงของผู้เป็นหุ้นส่วนด้วยกันทุกคนของผู้ให้หลักประกัน ในการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรานี้ ผู้บังคับหลักประกันต้องใช้ความเอื้อเฟื้อสอดส่อง อย่างผู้ประกอบวิชาชีพจะพึงปฏิบัติโดยพฤติการณ์เช่นนั้น

RkJQdWJsaXNoZXIy Mzk3MzI3