สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา - ๒๐ - สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา หนึ่งตามที่ศาลเห็นสมควรปฏิบัติหน้าที่ผู้บังคับหลักประกันชั่วคราว เว้นแต่กรณีที่ไม่มีผู้รับใบอนุญาต ให้ศาลแต่งตั้งผู้ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ตามมาตรา ๕๕ ในกรณีเช่นนี้ ให้ผู้บังคับ หลักประกันชั่วคราวมีอํานาจหน้าที่เช่นเดียวกับผู้บังคับหลักประกัน ให้ผู้ยื่นคําร้องตามวรรคหนึ่งเป็นผู้จ่ายค่าตอบแทนแก่ผู้บังคับหลักประกันชั่วคราว ตามอัตราหรือจํานวนที่ศาลกําหนด แต่กรณีที่ศาลมีคําพิพากษาให้ผู้บังคับหลักประกันพ้นจาก ตําแหน่ง ให้ถือว่าค่าตอบแทนผู้บังคับหลักประกันชั่วคราวเป็นค่าใช้จ่ายตามสมควรอันเกิดจากการ บังคับหลักประกันตามมาตรา ๗๔ (๒) และให้จัดสรรชําระแก่ผู้ยื่นคําร้องตามวรรคหนึ่ง มาตรา ๗๗ หากศาลเห็นว่ามีเหตุคัดค้านผู้บังคับหลักประกันตามมาตรา ๗๖ ว รค หนึ่งให้ศาลมีคําพิพากษาให้ผู้บังคับหลักประกันพ้นจากตําแหน่ง แต่หากศาลเห็นว่าไม่มีเหตุดังกล่าว ให้ศาลมีคําสั่งยกคําร้อง คําพิพากษาหรือคําสั่งศาลตามมาตรานี้ให้อุทธรณ์ต่อศาลอุทธรณ์ภายในสิบห้าวันนับ แต่วันมีคําพิพากษาหรือคําสั่งของศาล คําพิพากษาหรือคําสั่งของศาลอุทธรณ์ให้เป็นที่สุด ในกรณีที่ไม่มีการอุทธรณ์คําพิพากษาหรือคําสั่งภายในกําหนดเวลาตามวรรคสอง หรือเมื่อศาลอุทธรณ์มีคําพิพากษาหรือคําสั่ง แล้วแต่กรณี ให้ศาลสั่งคืนประกันหรือหลักประกันแก่ผู้ วางประกันหรือหลักประกันต่อศาลตามมาตรา ๗๖ วรรคสอง มาตรา ๗๘ ในกรณีที่ศาลมีคําพิพากษาให้ผู้บังคับหลักประกันพ้นจากตําแหน่งตาม มาตรา ๗๗ และยังมีกิจการที่จะต้องดําเนินต่อไป ให้ศาลแต่งตั้งผู้รับใบอนุญาตคนหนึ่งตามที่ศาล เห็ สมคว เป็นผู้บังคับหลักประกันแทน เว้นแต่กรณีที่ไม่มีผู้รับใบอนุญาตให้ศาลแต่งตั้งผู้ที่มีควา รู้ ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ตามมาตรา ๕๕ ให้นําบทบัญญัติในหมวดนี้ที่เกี่ยวกับผู้บังคับหลักประกันมาใช้บังคับแก่ผู้บังคับ หลักประกันแทนตามวรรคหนึ่งโดยอนุโลม มาตรา ๗๙ คําพิพากษาของศาลที่ให้ผู้บังคับหลักประกันพ้นจากตําแหน่งตาม มาตรา ๗๗ ไม่กระทบถึงการใดที่ผู้บังคับหลักประกันได้กระทําไปแล้วก่อนที่ศาลจะมีคําพิพากษาเช่น ว่านั้น หมวด ๗ ความระงับสิ้นไปแห่งสัญญาหลักประกันทางธุรกิจ มาตรา ๘๐ สัญญาหลักประกันทางธุรกิจระงับสิ้นไปเมื่อ (๑) หนี้ที่ประกันระงับสิ้นไปด้วยเหตุประการอื่นใดอันมิใช่เหตุอายุความ (๒) ผู้รับหลักประกันและผู้ให้หลักประกันตกลงกันเป็นหนังื อให้ยกเลิกสัญญา หลักประกันทางธุรกิจ (๓) มีการไถ่ถอนทรัพย์สินที่เป็นหลักประกัน (๔) มีการจําหน่ายทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันในการบังคับหลักประกันหรือเมื่อ ทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันหลุดเป็นสิทธิแก่ผู้รับหลักประกัน
Made with FlippingBook
RkJQdWJsaXNoZXIy Mzk3MzI3