ศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง
104 2.8 คดีพิพาทเกี่ยวกับสิทธิในที่ดิน คดีพิพาทเกี่ยวกับสิทธิในที่ดิน หมายถึง คดีที่มีการโต้แย้งกันว่าที่ดินพิพาทนั้นคู่ความ ฝุายใดที่มีสิทธิครอบครองหรือมีกรรมสิทธิ์ ตามหลักเกณฑ์ที่กาหนดไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ กฎหมายที่ดิน และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง โดยคดีพิพาทเกี่ยวกับสิทธิในที่ดินอยู่ในอานาจพิจารณาพิพากษา ของศาลยุติธรรม คาวินิจฉัยชี้ขาดอานาจหนาที่ระหวางศาลที่ 77/2566 แม้กระทรวงมหาดไทยจะเป็นหน่วยงาน ทางปกครอง ตามมาตรา 3 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 แต่การที่ผู้ฟูองคดีฟูองว่ากระทรวงมหาดไทยกระทาละเมิด โดยการก่อสร้างปูอมยามรุกล้าที่ดินของ ผู้ฟูองคดีนั้น เมื่อคู่ความยังโต้แย้งกันว่าที่ดินพิพาทบริเวณที่ก่อสร้างปูอมยาม เป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ฟูองคดีหรือ เป็นที่ดินที่นาง พ. เจ้าของที่ดินเดิม ที่ได้บริจาคให้เป็นที่สาธารณประโยชน์สาหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน กรณีจึงเป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับสิทธิในที่ดิน ส่วนปัญหาที่ว่าผู้ถูกฟูองคดีกระทาละเมิดต่อผู้ฟูองคดีหรือไม่ เป็นเพียงผลของการวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับสิทธิในที่ดินดังกล่าว คดีนี้จึงเป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับสิทธิในที่ดิน ที่อยู่ในอานาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม 2.9 การดาเนินกิจการขององค์การศาสนา ผู้นาขององค์การศาสนา เช่น มหาเถรสมาคม เจ้าอาวาสวัด คณะกรรมการกลางอิสลามแห่ง ประ เทศไทย คณะกรรมการกลางอิสลามประจาจังหวัด เป็นต้น ใช้อานาจตามกฎหมายเฉพาะ ของแต่ละศาสนา เช่น พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 พระราชบัญญัติการบริหารองค์กรศาสนาอิสลาม พ.ศ. 2540 เป็นต้น ซึ่งการดาเนินกิจการขององค์การศาสนามีลักษณะพิเศษแตกต่างจากการใช้อานาจทาง ปกครอง ตามหลักการทางความเชื่อศัทธาของแต่ละศาสนา ดังนั้น การดาเนินกิจการขององค์การศาสนา จึงไม่อยู่ในอานาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครอง แต่อยู่ในอานาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม คาวินิจฉัยชี้ขาดอานาจหนาที่ระหวางศาลที่ 95/2559 การที่ผู้ว่าราชการจังหวัดจัดให้มีการ คัดเลือกกรรมการอิสลามประจาจังหวัด ตามพระราชบัญญัติการบริหารองค์กรศาสนาอิสลาม พ.ศ. 2540 มิใช่การใช้อานาจทางปกครองของผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้ว่าราชการจังหวัดเพียงแต่อานวยความสะดวกให้ อิหม่ามประจามัสยิดในจังหวัดนั้น เป็นผู้คัดเลือกบุคคลผู้สมควรดารงตาแหน่ง การดาเนินการของอิหม่าม ประจามัสยิดในจังหวัดนั้น จึงเป็นการดาเนินกิจการขององค์การศาสนา ซึ่งไม่อยู่ภายใต้อานาจพิจารณา พิพากษาของศาลปกครอง ตามมาตรา 9 วรรคหนึ่ง (1) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณา คดีปกครอง พ.ศ. 2542 คดีนี้จึงเป็นคดีพิพาทที่อยู่ในอานาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม คาสั่งศาลปกครองสูงสุดที่ 17/2560 การฟูองว่าเจ้าอาวาสวัดมีคาสั่งให้ผู้ฟูองคดีออกจากวัด โดยไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้น เมื่อคาสั่งดังกล่าวเป็นคาสั่งในกิจการปกครองสงฆ์ มิใช่การใช้อานาจทางปกครอง ในฐานะที่เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งปฏิบัติงานในหน่วยงานทางปกครอง คดีนี้จึงไม่อยู่ในอานาจของ ศาลปกครอง
Made with FlippingBook
RkJQdWJsaXNoZXIy Mzk3MzI3