ศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง

110 (1) คดีอาญาที่มีข้อหาว่าเด็กหรือเยาวชนกระทาความผิด “เด็ก” หมายความว่า บุคคล อายุยังไมเกิน 15 ปีบริบูรณ ส่วน “เยาวชน” หมายความวา บุคคลอายุเกิน 15 ปีบริบูรณ์ แต่ยังไม่ถึง 18 ปี บริบูรณ์ ตามมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชน และครอบครัว พ.ศ. 2553 โดยคดีอาญาที่มีข้อหาว่าเด็กหรือเยาวชนกระทาความผิด ให้ถืออายุเด็กหรือ เยาวชนนั้น ในวันที่การกระทาความผิดได้เกิดขึ้น (2) คดีอาญาที่ศาลซึ่งมีอานาจพิจารณาคดีธรรมดาได้โอนมา หมายถึง กรณีที่บุคคลใด อายุยังไม่เกิน 20 ปีบริบูรณ์ กระทาความผิดและเป็นคดีที่อยู่ในอานาจศาลที่มีอานาจพิจารณาคดีธรรมดา ถ้าศาลนั้นพิจารณาโดยคานึงถึงสภาพร่างกาย สภาพจิต สติปัญญา และนิสัยแล้ว เห็นว่าบุคคลนั้นยังมีสภาพ เช่นเดียวกับเด็กหรือเยาวชน ให้มีอานาจสั่งโอนคดีไปพิจารณาในศาลเยาวชนและครอบครัวที่มีอานาจและ ให้ถือว่าบุคคลนั้นเป็นเด็กหรือเยาวชน ตามมาตรา 97 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและ ครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. 2553 (3) คดีครอบครัว หมายความว่า คดีแพ่งที่ฟูองหรือร้องขอต่อศาลหรือกระทาการใด ๆ ในทางศาล เกี่ยวกับผู้เยาว์หรือครอบครัว ซึ่งจะต้องบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ กฎหมาย ว่าด้วยการจดทะเบียนครอบครัว หรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวกับครอบครัว ตามมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติ ศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. 2553 เช่น การที่หน่วยงานของรัฐ ไม่อนุญาตให้จดทะเบียนรับรองบุตรหรือจดทะเบียนสมรส เป็นต้น คาสั่งศาลปกครองสูงสุดที่ คร.430/2564 กรณีฟูองว่าผู้อานวยการเขตลาดพร้าวซึ่งเป็น ผู้ถูกฟูองคดีจดทะเบียนการหย่าตามคาสั่งศาล และออกใบสาคัญการหย่าระหว่างผู้ฟูองคดีกับนาย บ. ไม่เป็นไปตามสัญญาประนีประนอมยอมความ ทาให้ผู้ฟูองคดีที่ไม่สามารถใช้สิทธิเรียกร้องค่าอุปการะเลี้ยงดู จากนาย บ. ได้นั้น แม้การจดทะเบียนการหย่าตามคาสั่งศาล และการออกใบสาคัญการหย่าของผู้ถูกฟูองคดีจะ เป็นคาสั่งทางปกครองตามมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 แต่เมื่อ พิจารณามาตรา 4 และมาตรา 10 แห่งพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชน และครอบครัว พ.ศ. 2553 เห็นได้ว่าคดีดังกล่าวเป็นคดีครอบครัวที่อยู่ในอานาจพิจารณาพิพากษาของ ศาลเยาวชนและครอบครัว ดังนั้น คดีนี้จึงไม่อยู่ในอานาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครองตามมาตรา 9 วรรคสอง (3) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 คาสั่งศาลปกครองสูงสุดที่ คร.37/2565 แม้คาสั่งไม่รับจดทะเบียนรับบุตรบุญธรรมจะ เป็นคาสั่งทางปกครองตามมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 แต่การ ที่ผู้ฟูองคดีที่ 1 ประสงค์จดทะเบียนรับผู้ฟูองคดีที่ 2 เป็นบุตรบุญธรรม เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับครอบครัว ซึ่งจะต้อง บังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ และกฎหมายว่าด้วยการจดทะเบียนครอบครัว อันเป็นคดี ครอบครัวตามมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและ ครอบครัว พ.ศ. 2553 คดีนี้จึงอยู่ในอานาจพิจารณาพิพากษาของศาลเยาวชนและครอบครัวตามมาตรา 10 (3) แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว และไม่อยู่ในอานาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครองตามมาตรา 9 วรรค สอง (3) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542

RkJQdWJsaXNoZXIy Mzk3MzI3