แนวคิดและหลักการสำคัญในกระบวนการยุติธรรม
125 ส่วนที่เกี่ยวกับตัวผู้ต้องหาอีกด้วย เพื่อทราบในเรื่องของความเป็นมาแห่งชีวิต ความประพฤติเป็น อาจิณของผู้ต้องหาตามที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 138 ได้วางหลักไว้ เพื่อ เป็นการนำไปสู่การพิจารณาในเรื่องขององค์ประกอบด้านความชั่วของผู้กระทำ เช่นว่า ข้อมูลซึ่ง เกี่ยวกับระดับการศึกษา ระดับสติปัญญา สุขภาพของผู้ต้องหา สามารถนำมาพิจารณาองค์ประกอบ ความผิดในเรื่องความชั่วของการกระทำของผู้ต้องหา อีกทั้งยังสามารถถูกใช้เป็นพยานหลักฐานในส่วน ที่เกี่ยวกับเหตุบรรเทาโทษได้อีกด้วย เช่น การบรรลุนิติภาวะ นิสัย สภาวะทางจิต สิ่งแวดล้อม ซึ่งจะมี ผลในการพิจารณาถึงเหตุอันควรปรานีและมีคำตัดสินให้รอลงโทษ ลดโทษ นอกจากนี้ การรวบรวม พยานหลักฐานเกี่ยวกับตัวผู้ต้องหาดังกล่าวยังเป็นข้อมูลสำคัญสำหรับการกำหนดโทษ ทำให้สามารถ แบ่งแยกประเภทผู้กระทำความผิด และกำหนดโทษให้เหมาะสมต่อการแก้ไขฟื้นฟูบุคคลประเภทนั้นๆ เช่น การกระทำความผิดเล็ก ๆ น้อย ๆ โดยผู้ไม่เคยมีประวัติในการกระทำความผิดมาก่อน มิได้มี ลักษณะของอาชญากร จึงเป็นเหตุผลให้ไม่ควรลงโทษจำคุก การรวบรวมพยานหลักฐานเป็นส่วนสำคัญของการมีความเห็นในทางคดี หากแต่การมี ความเห็นในทางคดีมิได้มีหลักเกณฑ์ข้อบังคับเกี่ยวกับการรับฟังพยานหลักฐานเช่นเดียวกับในชั้นศาล แต่ก็มิได้หมายความว่าการรับฟังพยานหลักฐานจะแตกต่างกัน ดังนั้น การรับฟังพยานหลักฐานในชั้น สอบสวนจึงต้องอาศัยความเข้าใจ ตามหลักการรับฟังพยานหลักฐาน (Admissibility of Evidence) เช่นเดียวกับการรับฟังพยานหลักฐานในชั้นพิจารณาคดีของศาล ซึ่งเป็นหลักกฎหมายว่าด้วยการ คัดเลือกพยานหลักฐาน ว่าพยานหลักฐานชิ้นใดรับเข้ามาใช้ได้ (พยานหลักฐานที่รับฟังได้) ชิ้นใด รับเข้ามาใช้ไม่ได้ (พยานหลักฐานที่รับฟังไม่ได้) โดยพยานหลักฐานทุกชนิดทุกประเภทหากมี คุณสมบัติในการพิสูจน์ข้อเท็จจริงในคดีนั้นได้ไม่ว่าโดยตรงหรือโดยอ้อม คู่ความย่อมมีสิทธินำมาสืบต่อ ศาลได้ อันเป็นหลักอิสระในการรับฟังพยานหลักฐาน เว้นแต่พยานหลักฐานชนิดใดถูกกฎหมายบทใด บทหนึ่งบัญญัติห้ามไม่ให้นำสืบหรือไม่ให้รับฟังเอาไว้ (บทตัดพยานหลักฐาน) หรือการรับฟังจะเป็น ประโยชน์แก่การอำนวยความยุติธรรมมากกว่าผลเสียที่จะเกิดแก่มาตรฐานของระบบงานยุติธรรมทาง อาญาหรือการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของประชาชนไม่มีผลในการบังคับใช้ อันเป็นการชั่ง น้ำหนักของคุณธรรมทางกฎหมาย เช่น การรับฟังพยานหลักฐานที่ได้มาโดยมิชอบ ไม่ถูกต้อง ซึ่งใน ระบบ Common Law จะมีบทบัญญัติที่เป็นบทตัดพยานหลักฐานจำนวนมากเนื่องจากใช้ระบบ ลูกขุนที่เป็นประชาชนในการวินิจฉัยข้อเท็จจริงจึงไม่มีความชำนาญในการรับฟังพยานหลักฐาน ส่วน ระบบ Civil Law มีน้อย เนื่องจากใช้ผู้พิพากษาอาชีพในการวินิจฉัย หลักการดังกล่าวจึงอยู่ในความ เข้าใจของผู้พิพากษาโดยไม่จำต้องบัญญัติเป็นกฎหมาย
Made with FlippingBook
RkJQdWJsaXNoZXIy Mzk3MzI3