แนวคิดและหลักการสำคัญในกระบวนการยุติธรรม

150 อื่นจะเข้าไปตรวจสอบหรือถ่วงดุลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ประกอบกับการใช้ดุลพินิจในการรวบรวม พยานหลักฐาน การตั้งข้อหา การวางรูปคดี ตลอดจนความจำเป็นในการใช้มาตรการบังคับทางอาญา ซึ่งเป็นเรื่องที่มีความสำคัญอย่างยิ่งแก่คดีไม่ได้ถูกควบคุมโดยผู้ซึ่งมีความเชี่ยวชาญทางด้านกฎหมาย อย่างพนักงานอัยการ และลำพังแต่อำนาจในการสั่งให้มีการสอบสวนเพิ่มเติมโดยที่การทำงานของ พนักงานอัยการยังอยู่ห่างไกลข้อเท็จจริงเช่นนี้ ย่อมทำให้บทบาทที่จะต้องรับผิดชอบความถูกต้องและ ชอบด้วยกฎหมาย ความชอบด้วยระเบียบ ความระเอียดรอบคอบ และความเชื่อถือได้ของการ สอบสวน จึงไม่อาจเกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพในทางปฏิบัติ พนักงานอัยการมีบทบาทในการสอบสวนหรือการเข้าร่วมสอบสวนในกรณีดังต่อไปนี้ ก. กรณีที่ผู้เสียหายหรือผู้ต้องหาเป็นเด็กอายุไม่เกิน 18 ปี ระหว่างการสอบปากคำ ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 133 ทวิ และมาตรา 134/2 ข. กรณีที่มีบุคคลเสียชีวิตในระหว่างการควบคุมของเจ้าพนักงาน หรือเสียชีวิตโดยที่เจ้า พนักงานอ้างว่าอยู่ในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ เช่น กรณีการวิสามัญฆาตกรรมเนื่องจากผู้ต้องหาต่อสู้ ขัดขวางเจ้าพนักงานขณะทำการจับกุมตัว กรณีการฆ่าตัวตายระหว่างถูกกักขัง เป็นต้น กรณีดังกล่าว ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 150 วรรคสามและวรรคสี่ ที่วางหลักให้พนักงาน อัยการเข้าร่วมทำการชันสูตรพลิกศพ รวมถึงการทำสำนวนในการชันสูตรพลิกศพ พนักงานอัยการจึง ต้องเข้าร่วมกับพนักงานสอบสวนในการทำสำนวน ค. กรณีที่ความผิดเกิดขึ้นนอกราชอาณาจักร ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 20 วรรคสาม และอัยการสูงสุดได้มอบหมายให้พนักงานอัยการเป็นพนักงานสอบสวน ผู้รับผิดชอบ หรือร่วมทำการสอบสวนกับพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบ 12.2 บทบาทในการสั่งคดี การกลั่นกรองในการดำเนินคดีอาญาในชั้นเจ้าพนักงานของประเทศไทยในกรณีทั่วไปจะเริ่ม ขึ้นภายหลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการสืบสวนสอบสวน และเสนอสำนวนการสอบสวนพร้อม ความเห็นมายังอัยการ โดยพนักงานอัยการจะเป็นผู้วินิจฉัยว่าพยานหลักฐานที่ได้จากการสอบสวนนั้น เพียงพอหรือไม่ที่จะพิสูจน์ให้รับฟังได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่าผู้ต้องหาเป็นผู้กระทำความผิดอาญา ตามข้อกล่าวหา หากเป็นกรณีที่พิจารณาพยานหลักฐานทั้งด้านที่เป็นคุณและเป็นโทษต่อผู้ถูกกล่าวหา แล้วเห็นว่ามีพยานหลักฐานชัดเจนเพียงพอที่จะฟังได้ว่าผู้ต้องหามีความผิดอัยการก็จะชี้ขาดคดีโดย การสั่งฟ้อง แต่หากเป็นกรณีที่เห็นว่าพยานหลักฐานไม่เพียงพอที่จะชี้ว่าผู้ต้องหามีความผิดก็จะชี้ขาด โดยการสั่งไม่ฟ้องคดี อย่างไรก็ตาม หากพนักงานอัยการใช้ดุลพินิจแล้วเห็นว่าการสอบสวนยังกระทำ ไม่สิ้นกระแสความก็มีอำนาจสั่งให้พนักงานสอบสวนทำการสอบสวนเพิ่มเติมได้ในประเด็นที่เห็นว่า

RkJQdWJsaXNoZXIy Mzk3MzI3