แนวคิดและหลักการสำคัญในกระบวนการยุติธรรม
154 ฟ้องร้องยังก่อเกิดการทำงานที่มีความล้าช้าและซ้ำซ้อนระหว่างพนักงานสอบสวนและพนักงานอัยการ กล่าวคือ การที่ผู้มีอำนาจในการพิจารณาพยานหลักฐานว่าจะฟ้องคดีหรือไม่ย่อมเป็นผู้ที่ทราบดีที่สุด ว่า ข้อกฎหมายในลักษณะนี้จะต้องมีหลักฐานประการใดบ้าง และหลักฐานประการใดที่จะมีส่วน สำคัญในการพิสูจน์ความจริงในการฟ้องคดี คือผู้ฟ้องคดี แต่พนักงานอัยการกลับไม่ได้เป็นผู้ที่กำหนด ทิศทางในการค้นหาและรวบรวมพยานหลักฐานได้ ไม่สามารถใช้ดุลพินิจในการนำพยานหลักฐานเข้า สืบต่อศาลได้โดยไม่ผ่านการสอบสวนของพนักงานสอบสวนมาก่อนได้ และไม่ได้เข้ามาเกี่ยวข้องกับ การรวบรวมพยานหลักฐานเลยตั้งแต่ต้น ทำให้พนักงานสอบสวนซึ่งทำหน้าที่โดยลำพังต้องทำสำนวน โดยการคาดเดาว่า ในคดีนี้พนักงานอัยการต้องการพยานหลักฐานใดบ้างในการดำเนินคดี พยานหลักฐานใดจำเป็นหลักฐานใดไม่จำเป็น ทำให้เกิดความล่าช้าในการส่งสำนวนกลับไปกลับมา ระหว่างกัน และจากพยานหลักฐานที่ค้นหามาโดยไม่จำเป็น แทนที่ทิศทางการสอบสวนจะถูกกำหนด โดยพนักงานอัยการจากการทำงานร่วมกันมาแต่ต้นในชั้นสอบสวน 12.3 บทบาทในการคุ้มครองสิทธิผู้ถูกกล่าวหาหรือจำเลย และการป้องกันความ ผิดพลาดของกระบวนการยุติธรรม การดำเนินคดีของพนักงานอัยการนอกจากจะต้องคำนึงถึงประโยชน์ของรัฐในการดำเนินคดี เพื่อปราบปรามการกระทำความผิดแล้ว ยังต้องคำนึงถึงภารกิจในด้านของการคุ้มครองสิทธิของบุคคล ด้วย กล่าวคือ หากมีการกระทำที่กระทบต่อสิทธิและเสรีภาพในชีวิตร่างกายของบุคคลโดยมิชอบไม่ว่า ในขั้นตอนใดของการดำเนินคดีอาญา เพื่อสั่งระงับหรือเพิกถอนการกระทำเช่นนั้น โดยพนักงาน อัยการจะมีสิทธิร้องต่อศาล เช่น กรณีตามพระราชบัญญัติองค์กรอัยการและพนักงานอัยการ พ.ศ. 2553 มาตรา 14 (2) ซึ่งวางหลักให้พนักงานอัยการมีอำนาจและหน้าที่ในคดีอาญา ในการร้องขอให้ ศาลปล่อยบุคคลที่ถูกควบคุมหรือขังโดยผิดกฎหมาย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 90 ซึ่งจากบทบาทตามหลักกฎหมายข้างต้นชี้ให้เห็นได้ว่า พนักงานอัยการมีหน้าที่ตรวจสอบ ความจำเป็นในการเอาตัวบุคคลไว้ในอำนาจรัฐในทุกขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรมทางอาญา และ บทบาทในการตรวจสอบการใช้ดุลพินิจของผู้พิพากษาผ่านอำนาจในการอุทธรณ์คำพิพากษาและคำสั่ง ต่าง ๆ จึงเป็นบทบาทที่จะทำให้ตรวจสอบถ่วงดุลการใช้ดุลพินิจของทั้งของพนักงานสอบสวนและผู้ พิพากษาเป็นไปอย่างชอบธรรม อันเป็นการป้องกันการดำเนินกระบวนการยุติธรรมที่ละเมิดสิทธิ มนุษยชนในเชิงรุก ตามแนวทางการปฏิบัติที่เกี่ยวกับบทบาทของอัยการของสหประชาชาติ (Guidelines on the Role of Prosecutors) เมื่อพิจารณาบทบาทในการคุ้มครองสิทธิผู้ถูกกล่าวหาหรือจำเลยแล้วจะเห็นว่า การ ดำเนินคดีในทางปฏิบัติการที่พนักงานอัยการไม่มีบทบาทในการสอบสวน เนื่องจากผลของการ แบ่งแยกอำนาจในการสอบสวนและการฟ้องคดี ทำให้ในขั้นตอนก่อนการสอบสวนจะเสร็จสิ้น
Made with FlippingBook
RkJQdWJsaXNoZXIy Mzk3MzI3