แนวคิดและหลักการสำคัญในกระบวนการยุติธรรม

157 ซักถามพยานเองกันได้โดยได้รับอนุญาตต่อศาลได้เช่นกัน ด้วยเหตุที่ว่าในสมัยนั้นยังมีนักกฎหมาย จำนวนไม่มาก ทำให้คู่ความอาจต้องดำเนินคดีโดยไม่มีทนายความทำให้ไม่สามารถซักความเองได้ กฎหมายจึงต้องบัญญัติให้ศาลอำนาจศาลเพื่อเป็นการช่วยถามพยานแทนคู่ความเท่านั้น การบัญญัติ จึงมิได้ประสงค์จะให้เป็นผู้ค้นหาความจริงด้วยตนเอง 261 และเห็นว่าการบัญญัติกฎหมายวิธีพิจารณา ความอาญา มาตรา 15 นั้น มีขึ้นเพื่อการหลีกเลี่ยงการบัญญัติกฎหมายซ้ำ โดยการบัญญัติในลักษณะ นี้ทำให้เห็นได้ว่า ในเรื่องของวิธีพิจารณาความนั้นกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งเป็นกฎหมายหลัก 262 ซึ่งนำไปสู่การใช้ระบบต่อสู้ในการค้นหาความจริง 13.2 บทบาทเกี่ยวกับการนำกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาใช้ ในทางปฏิบัติจึงพบว่าศาลจะวางตัวเป็นกลางมีการนำระบบการถามค้านจากกฎหมายวิธี พิจารณาคดีแพ่งมาใช้ ผ่านทางการตีความประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 ซึ่ง วางหลักว่า “วิธีพิจารณาข้อใดซึ่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาไม่ได้บัญญัติไว้โดยเฉพาะ ให้นำบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาใช้บังคับเท่าที่พอจะใช้บังคับได้” จึงนำ รูปแบบการค้นหาความจริงในระบบต่อสู้ ตามกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 116 (2) มาตรา 117 และมาตรา 118 ซึ่งวางหลักเกี่ยวกับการค้นหาความจริงด้วยการถามค้านเข้ามาปรับ ใช้ ทำให้ การค้นหาความจริงเป็นไปในลักษณะการนำสืบ ในชั้นพิจารณาโจทก์จะมีหน้าที่ในการนำสืบเพื่อ พิสูจน์ให้ได้ว่าจำเลยมีความผิดตามข้อกล่าวหาภายใต้กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 227 (เว้นแต่ มีกฎหมายที่สันนิษฐานเป็นคุณแก่โจทก์) และประเด็นเกี่ยวกับการกำหนดโทษ เช่น การ ลดหย่อนโทษที่จำเลยกล่าวอ้าง ภายใต้ประมวลกฎหมายว่าด้วยการสืบพยานหลักฐาน ทำให้การ ดำเนินคดีอาญาในชั้นศาลจึงไม่แตกต่างไปจากการดำเนินคดีแพ่งซึ่งเป็นการต่อสู้คดีของคู่ความที่มีการ นำค้นหาความจริงโดยการซักถามพยานจะเป็นหน้าที่ของคู่ความแต่ละฝ่าย ภายใต้การกำหนดหน้าที่ นำสืบหรือภาระการพิสูจน์ที่ว่าพนักงานอัยการที่จะต้องพิสูจน์ความผิดของจำเลยให้ได้ มิฉะนั้น จะต้องพิพากษายกฟ้อง โดยจะมีลำดับการซักถามพยาน คือ ผู้ที่กล่าวอ้างพยานนั้นจะเริ่มต้นด้วยการ ซักถามพยานของตนก่อน จากนั้นจึงให้ฝ่ายตรงข้ามได้ทำการถามค้านเพื่อทำลายน้ำหนักและความ น่าเชื่อถือของพยานนั้น สุดท้ายจึงให้ฝ่ายผู้กล่าวอ้างถามติงเพื่อดึงน้ำหนักกลับมา ซึ่งศาลจะเป็น เสมือนผู้ควบคุมกติกา ความจริงที่ได้จึงเป็นความจริงตามแบบพิธี 261 โสภณ รัตนากร. (2557). คำอธิบายกฎหมายลักษณะพยาน พิมพ์ครั้งที่ 11. กรุงเทพ: สำนักพิมพ์นิติบรรณาการ. น. 8 262 คนึง ฦๅไชย. (2561). กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา เล่ม 1. พิมพ์ครั้งที่ 11. กรุงเทพ: มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์. น. 80

RkJQdWJsaXNoZXIy Mzk3MzI3