แนวคิดและหลักการสำคัญในกระบวนการยุติธรรม

165 กล่าวโดยสรุป คำว่า อาชญากรรม จึงหมายถึง ปรากฏการณ์ของสังคมที่เกิดจากการกระทำที่ มีเจตนากระทำผิดกฎหมายอาญา โดยที่การกระทำนั้นมีความรุนแรงและเป็นอันตรายต่อสังคม ส่วนรวม จนทำให้ต้องมีการลงโทษ และวิธีการให้ได้รับการลงโทษตามกฎหมาย เมื่อพิจารณาจะเห็นว่า อาชญากรรม เป็นการกระทำที่ส่งผลต่อสังคมส่วนรวมในทางลบ ทำ ให้สังคมมุ่งจะหยุดยั้งผู้ที่มีพฤติกรรมดังกล่าว กระบวนการยุติธรรมทางอาญาในมุมมองทางสังคม วิทยา จึงเป็นกระบวนการที่ออกแบบมาเพื่อจัดการกับอาชญากรรม ซึ่งจากการศึกษาในทางอาชญา วิทยาจะพบว่ามีสาเหตุในการกระทำความผิดที่แตกต่างกันออกไปตามแต่ละปัจจัยที่เป็นตัวกำหนด เมื่อการกระทำดังกล่าวก่อให้เกิดความเสียหาย จึงจะต้องมีมาตรการในการลงโทษผู้กระทำผิดที่ เหมาะสมแตกต่างกัน นอกจากนี้ อาชญากรรม เป็นการกระทำที่มีความผิดและบทลงโทษทางอาญา เป็นหลัก โดยการกระทำความผิดทางอาญา แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ 1. อาชญากรรมที่มีความชั่วร้ายในตัวเอง (Mala in se) และ 2. อาชญากรรมที่ไม่มีความชั่วร้ายในตัวเอง (Mala prohibita) การแบ่งเป็น 2 ประเภทดังกล่าวเป็นเพียงการแบ่งประเภทแบบหยาบ ๆ แต่ก็จะสามารถ แสดงให้เห็นถึงความแตกต่างในการรับมือ การศึกษาเพื่อทำความเข้าใจ และกำหนดแนวทางการ จัดการกับปัญหาได้อย่างเหมาะสม จึงเป็นปัญหาที่มีการคบคิดมาตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบันซึ่งปรากฏ อยู่ในรูปของคำอธิบายด้วยศาสตร์และทฤษฎีต่าง ๆ ของแต่ละสำนักทางความคิด ทฤษฎีเจตจำนงอิสระ (Free Will) ศตวรรษที่ 18 ตอนต้น สำนักคลาสสิก (Classical School) หรืออาชญาวิทยาดั้งเดิม เกิดขึ้น ในยุคที่เริ่มมีการใช้หลักวิทยาศาสตร์มาพิสูจน์ความเชื่อความจริง จนไม่เชื่อเทพเจ้าอีกต่อไป แต่หันมา พิจารณาจากธรรมชาติของมนุษย์ มาเป็นกฎหมาย โดยมองว่าการกระทำผิดมาจากตัวมนุษย์เอง เนื่องจากมนุษย์สามารถคิดและตัดสินใจด้วยตนเองว่าจะกระทำในทางชั่วหรือทางดี โดยที่การ ตัดสินใจจะคำนึงถึงความสุขและหลีกเลี่ยงความเจ็บปวด การพิจารณาจึงดูที่เจตนาของผู้กระทำผิด (Free will) และต้องรับผิดชอบต่อการกระทำที่ได้กระทำลงไป การลงโทษจึงมีขึ้นด้วยเหตุที่ว่า ผู้กระทำนั้นสมควรที่จะได้รับผล อันเนื่องจากการตัดสินใจกระทำการของเขา สำนักคลาสสิกยังมองว่า สาเหตุของการกระทำความผิดก็เนื่องมาจากผู้กระทำผิด เนื่องจากไม่เกรงกลัวกฎหมาย บทลงโทษที่ เคยได้รับไม่มีความรุนแรง ผู้กระทำจึงตัดสินใจกระทำ จึงต้องมีการกำหนดบทลงโทษเพื่อเพิ่มต้นทุน คาดหมาย (ความเจ็บปวด) ให้มากกว่าประโยชน์คาดหมาย (ความสุข) นอกจากนี้ ด้วยหลักคิดที่มี ความเป็นเหตุเป็นผลของสำนักคลาสสิกกระบวนการดำเนินคดีอาญาจึงมี การยกเลิกการทรมาน ไต่ สวนอย่างเปิดเผย ให้มีคณะเป็นผู้พิจารณา ไม่มีการกล่าวหาโดยลับ ผู้ต้องหาบริสุทธิ์จนกว่าศาล พิพากษา ไม่มีการลงโทษจนกว่าศาลจะตัดสิน โดยที่กระบวนการยุติธรรมที่มีการลงโทษที่

RkJQdWJsaXNoZXIy Mzk3MzI3