แนวคิดและหลักการสำคัญในกระบวนการยุติธรรม

166 ประสิทธิภาพจะต้องลักษณะ 3 ประการคือ มีความแน่นอน (Certainty of punishments) รวดเร็ว (Promptness of punishments) และรุนแรงเหมาะสม (Severity of punishments) นักอาชญาวิทยาดั้งเดิมที่ได้รับการยกย่องในฐานะเป็นผู้ก่อตั้งสำนัก Classical School เป็น นักปราชญ์ชาวอิตาเลียน ซื่อว่า ซีซาร์ เบ็คคาเรีย (Cesare Beccaria) ผู้เขียนผลงานเรื่อง The Essay on Crime and Punishment ซึ่งได้ให้ความเห็นไว้ว่าการลงโทษนั้น ทุกคนควรจะมีความเท่าเทียม กันภายใต้ทัศนะแห่งกฎหมาย ประกอบกับการให้เหตุผลในการที่จะลงโทษผู้กระทำความผิดนั้นควร พิจารณาแต่ สิ่งที่เขาได้กระทำเท่านั้น ไม่ควรคำนึงว่าผู้นั้นจะเป็นผู้ใด เพราะถือว่าคนทุกคนในการที่ เขาจะทำอะไรลงไปย่อมมี Free Will หรือเจตจำนงอิสระที่จะกำหนดการกระทำของตนเอง จึงควร พิจารณาโทษให้เหมาะสมกับความผิดที่เขาเลือกกระทำ “Equal punishment for the same crime” อีกทั้งความหนักเบาของการลงโทษนั้น ควรมีความได้สัดส่วนกับความรุนแรงของ อาชญากรรมที่เขาก่อขึ้น แต่โทษทัณฑ์ดังกล่าวจะต้องกำหนดให้เหมาะสมกับความผิด กล่าวคือ ไม่ มากเกินไปจนเป็นการทารุณโหดร้าย และไม่น้อยเกินไปจนทำให้ผู้กระทำความผิดคิดว่าคุ้มค่าที่จะได้ ผลประโยชน์จากการกระทำอาชญากรรม 275 ภายใต้หลักการดังกล่าวจึงนำมาซึ่งการกำหนดโทษโดย พิจารณาถึงเจตนาของผู้กระทำความผิด การกำหนดโทษที่ไม่รุนแรงเกินไปจนเป็นการทารุณโหดร้าย และไม่น้อยเกินไปจนทำให้ ผู้กระทำความผิดคิดว่าคุ้มค่า ประเด็นนี้ เจเรมี่ เบนธัม (Jeremy Bentham) นักปราชญ์ชาวอังกฤษ ซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับการยกย่องในฐานะผู้บุกเบิกแก้ไขกฎหมายอาญาตามแนวทางของสำนักอาชญาวิทยา ดั้งเดิม ได้อธิบายให้เกิดความกระจ่างด้วยแนวคิดที่ว่า “มนุษย์ทุกคนตัดสินใจเลือกโดยวิเคราะห์ถึง ความเจ็บปวดและความเพลิดเพลิน (Pleasure & Pain Center) สิ่งทั้งสองมีอิทธิพลต่อพฤติกรรม ของมนุษย์” ดังนั้น “เมื่อมนุษย์ได้รับความพึงพอใจเพลิดเพลินจากการกระทำผิดน้อยกว่าความ เจ็บปวดทรมานในการถูกลงโทษ มนุษย์ก็จะไม่เลือกที่จะกระทำความผิด 276 การลงโทษจึงควรมี เป้าประสงค์ก็เพื่อข่มขวัญยับยั้งบุคคลจากการประกอบอาชญากรรม” การลงโทษควรมีไว้เพื่อป้องกัน สังคมโดยการข่มขู่ยับยั้งผู้ที่คิดจะกระทำผิดให้เกรงกลัวโทษ กล่าวคือ ภายใต้ทฤษฎีฮีโดนิซึม (Hedonism) ที่มีหลักว่า “ความสุขและความเจ็บปวด เป็นพื้นฐานที่ก่อให้เกิดแรงจูงใจในมนุษย์ จึง ต้องมีการลงโทษเพื่อให้ความเจ็บปวดมากกว่าความสุข ดังนั้น ประโยชน์คาดหมายในการก่อ อาชญากรรม ต้องน้อยกว่าต้นทุนคาดหมายที่อาชญากรคิดว่าเขาจะได้รับ กล่าวคือ ต้นทุนคาดหมาย ของอาชญากรเท่ากับบทลงโทษและโอกาสถูกจับ ส่วนประโยชน์คาดหมายในการก่ออาชญากรรม เท่ากับประโยชน์จากการกระทำผิด และโอกาสรอดพันจากการถูกจับกุม ซึ่งในการตัดสินใจของ 275 เรื่องเดียวกัน. น. 49-50 276 เรื่องเดียวกัน. น. 51-52

RkJQdWJsaXNoZXIy Mzk3MzI3