แนวคิดและหลักการสำคัญในกระบวนการยุติธรรม

169 ข้อเท็จจริงที่ปรากฏเป็นเช่นเดียวกัน การกำหนดโทษที่มีความเป็นภาววิสัยจึงขึ้นอยู่กับตัวบทกฎหมาย ไม่ใช่การตัดสินใจของบุคคลผู้กำหนด การกำหนดโทษในทางอาญานั้นมีความเชื่อมโยงกันอย่างเป็นระบบ กล่าวคือ การวาง นโยบายในการกำหนดโทษ (Sentencing policy) นั้น เป็นอำนาจของฝ่ายนิติบัญญัติที่จะกำหนด กรอบว่ากฎหมายจะมีโทษทางอาญาชนิดใดและระดับใด เป็นต้น ส่วนศาลจะเป็นผู้ใช้ดุลพินิจในการ กำหนดโทษตามกรอบที่กฎหมายกำหนดไว้ และสุดท้าย ราชทัณฑ์จะทำหน้าที่บังคับโทษตามที่ศาล ตัดสินแต่ก็เป็นดุลพินิจของเจ้าหน้าที่ที่จะมีผลต่อการกำหนดโทษ เช่น การพักการลงโทษ การเลื่อน ลำดับชั้นของนักโทษที่มีผลต่อความเดือดร้อนที่มากขึ้นหรือน้อยลง การอภัยโทษ เป็นต้น ดังนั้น ความ ไม่ตรงกันของแนวคิดและความเข้าใจกระบวนการยุติธรรมที่ต่างกันย่อมทำให้ขาดทิศทางที่ชัดเจน และก่อให้เกิดความไม่มีประสิทธิภาพตามมา เช่น ทฤษฎีเบื้องหลังการทำงานร่วมกันขององค์กรย่อมมี ผลต่อความต้องการข้อมูลต้ที่ต่างกัน 282 การกำหนดโทษโดยเน้นไปที่การแก้ไขฟื้นฟูนั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีข้อมูลเกี่ยวกับตัว ผู้กระทำความผิด เนื่องจากต้องการทราบถึงสาเหตุที่ลึกลงไปกว่าการกระทำในครั้งที่เป็นความผิด อาญาในการจะแก้ไขที่ต้นเหตุ ดังนั้น ความจริงเกี่ยวกับตัวบุคคล อันได้แก่ข้อมูล ประวัติการกระทำ ความผิด สภาวะแห่งจิต ครอบครัว สุขภาพร่างกาย ความประพฤติ ภูมิหลัง ในการกำหนดโทษ ผู้กระทำความผิดอันนำไปสู่การแก้ไขฟื้นฟูที่เหมาะสม อันจะนำมาสู่ความสัมฤทธิผลในการคืนคนดีสู่ สังคมซึ่งเป็นเป้าหมายขั้นสุดท้ายของกระบวนการยุติธรรมทางอาญาดังได้กล่าวมาแล้วในข้างต้น ดังนั้น หากในชั้นนี้ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงในส่วนนี้ย่อมเป็นการยากลำบากในการจำแนกประเภทของ บุคคลเพื่อให้เหมาะกับวิธีการแก้ไขเป็นรายบุคคล อันจะนำมาซึ่งการลงโทษที่มีประสิทธิภาพและช่วย ให้สังคมปลอดภัยจากการกระทำความผิดซ้ำ เช่น จำเลยยากจนจึงได้ทำผิดเพราะจำเป็น ทรัพย์ที่ เสียหายมีราคาน้อย แต่ระบบบัญชียี่ต๊อกศาลกลับไม่สามารถนำเอารายละเอียดในเรื่องต่าง ๆ เหล่านี้ มาพิจารณาได้อย่างครบถ้วน ทำได้เพียงการถือเอาอย่างคร่าว ๆ ว่าการกระทำลักษณะเดียวโทษ เท่ากันเป็นสำคัญ ทำให้การกำหนดโทษนักศึกษาซึ่งมีฐานะดีขโมยซาลาเปา เพราะชอบความตื่นเต้น กับแม่ที่ขโมยซาลาเปาเพราะลูกหิว หากมองเพียงว่ามีการกระทำเหมือนกัน ความผิดฐานเดียวกัน ย่อมไม่อาจกำหนดโทษให้เหมาะสมแก่การแก้ไขฟื้นฟูได้ นอกจากนี้ การกำหนดโทษโดยอาศัยหลัก ดังกล่าวยังทำให้ผู้ต้องขังบางกลุ่ม เช่น ผู้กระทำความผิดที่สามารถใช้วิธีการแก้ไขฟื้นฟูแทนการบังคับ โทษจำคุกได้ ผู้กระทำผิดโดยพลั้งพลาด หรือผู้กระทำความผิดที่ไม่มีลักษณะของการเป็นอาชญากร โดยกมลสันดาน สู่การบังคับโทษจำคุกระยะสั้น ซึ่งก่อให้เกิดผลกระทบต่อสังคมในทางลบมากกว่าที่ จะเป็นผลดี ระบบการกำหนดโทษโดยอาศัยยี่ต๊อกศาลจึงส่งผลให้การกำหนดโทษของไทยเป็นการยาก 282 เรื่องเดียวกัน. น. 45-49

RkJQdWJsaXNoZXIy Mzk3MzI3