แนวคิดและหลักการสำคัญในกระบวนการยุติธรรม

31 ประเด็นดังกล่าว ศาสตราจารย์ณรงค์ ใจหาญ 71 ได้ให้ความเห็นไว้ว่า ความเห็นที่ต่างกันนี้มา จาก “คำนิยาม” ของระบบไต่สวนและระบบกล่าวหาที่แตกต่างกัน กล่าวคือ มีฝ่ายที่เห็นว่า การที่ ศาลมีอำนาจในการตรวจสอบค้นหาความจริง (Active) นั้นเป็นการดำเนินคดีในระบบไต่สวน จึงมอง ว่าระบบการดำเนินคดีอาญาแบบคอมมอนลอว์ของอังกฤษและสหรัฐอเมริกาเท่านั้นที่ใช้ระบบ กล่าวหาศาลจะต้องวางเฉย (Passive) ในภาคพื้นทวีปยุโรปใช้ระบบไต่สวน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นนัก กฎหมายที่ได้รับการศึกษากฎหมายในระบบแบบคอมมอนลอว์ 72 อนึ่ง หนังสือเล่มนี้ขอใช้คำนิยามฝ่ายที่เห็นว่า การที่ศาลมีอำนาจในการตรวจสอบค้นหาความ จริง (Active) นั้นเป็นการดำเนินคดีในระบบไต่สวน และระบบการดำเนินคดีอาญาแบบคอมมอนลอว์ ของอังกฤษและสหรัฐอเมริกาเท่านั้นที่ใช้ระบบกล่าวหาจากการที่ศาลจะต้องวางเฉย (Passive) เนื่องจากสอดคล้องกับความเข้าใจของนักกฎหมายและตำราส่วนใหญ่ของประเทศไทย 2.1 แนวคิดของการดำเนินคดีอาญาในระบบกล่าวหา ระบบกล่าวหาซึ่งศาลจะต้องวางเฉยในการพิจารณาคดีนั้นเป็นระบบค้นหาความจริงที่พัฒนา ในกลุ่มประเทศที่ใช้ระบบกฎหมายคอมมอนลอว์คือประเทศอังกฤษ และมีการพัฒนาต่อไปยังประเทศ สหรัฐอเมริกาและประเทศในเครือจักรภพ ในการค้นหาความจริงนั้นจะเน้นการปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ และกติกาอย่างเคร่งครัดมาก โดยที่ผู้พิพากษาต้องวางตัวเป็นกลางอย่างเคร่งครัดและการพิสูจน์ ข้อเท็จจริงต่าง ๆ เป็นหน้าที่ของคู่ความ โดยศาลจะวางเฉยในการค้นหาข้อเท็จจริงและมีบทบาท จำกัด โดยศาลเป็นเพียงผู้ควบคุมการพิจารณาคดีหรือเป็นเพียงผู้ตัดสินคดีเท่านั้น ไม่มีอำนาจในการ สืบพยานเพิ่มเติมหรือช่วยคู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแสวงหาพยานหลักฐาน โจทก์กับจำเลยมีบทบาท สำคัญเป็นคู่ต่อสู้ซึ่งกันและกันอย่างเห็นได้ชัด ศาลจะไม่ช่วยโจทก์แสวงหาพยานหลักฐานเพิ่มเติมแต่ อย่างใดและหน้าที่ในการพิสูจน์การกระทำความผิดเป็นหน้าที่ของโจทก์โดยเฉพาะ หากคู่ความฝ่าย ใดไม่พิสูจน์ข้อเท็จจริงใดก็ย่อมแพ้ในประเด็นข้อนั้น ในทำนองที่ว่าเมื่อบุคคลใดกล่าวหาฟ้องร้องว่า บุคคลใดกระทำความผิด บุคคลผู้กล่าวอ้างนั้นต้องนำสืบให้ได้ความตามที่กล่าวหาไว้ แต่อีกฝ่ายหนึ่งก็ สามารถนำสืบหักล้างกันได้ เพราะถือว่าเป็นหน้าที่ของคู่ความในการนำพยานหลักฐานเข้าสืบเพื่อ สนับสนุนข้ออ้างหรือข้อเถียงของตน และศาลจะตัดสินคดีไปตามพยานหลักฐานที่คู่ความนำสืบเท่านั้น ศาลจะไม่ถามพยานเพื่อค้นหาความจริงจากพยานนอกเหนือจากที่พยานได้เบิกความตอบคำถาม 71 ณรงค์ ใจหาญ. (2565). หลักกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา เล่ม 1. พิมพ์ครั้งที่ 14. กรุงเทพ: วิญญูชน. น. 28-30 72 โสภณ รัตนากร. (2557). คำอธิบายกฎหมายลักษณะพยาน. พิมพ์ครั้งที่ 11. กรุงเทพ: นิติ บรรณการ. น. 402

RkJQdWJsaXNoZXIy Mzk3MzI3