แนวคิดและหลักการสำคัญในกระบวนการยุติธรรม

34 2.1.3 หลักการค้นหาความจริงด้วยหลักต่อสู้ บทบาทการค้นหาความจริงด้วยหลักต่อสู้ซึ่งจะถือว่าเป็นหน้าที่ของคู่กรณีที่จะต้องแสวงหา พยานเพื่อแสดงต่อศาล โดยที่ ทั้งโจทก์และจำเลยต่างมีภาระในการค้นหาความจริงเพื่อประโยชน์ของ ตนเอง รวมถึงการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อหักล้างความน่าเชื่อถือของคู่ความฝ่ายตรงข้ามให้ได้มาก ที่สุดต่อหน้าศาลซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้คุมกติกา การตรวจสอบค้นหาความจริงในลักษณะนี้จึงถูกเรียกว่า “ระบบต่อสู้” หรือ “ระบบคู่ปรปักษ์” ที่มีการให้สิทธิจำเลยต่อสู้อย่างเต็มที่ ภายใต้การพิจารณาคดีใน ระบบลูกขุนที่มีหลักเกณฑ์และข้อจำกัดในเรื่องพยานหลักฐานมากมายเพื่อไม่ให้เกิดการได้เปรียบ เสียเปรียบกันในการดำเนินคดีตามหลักความเสมอภาคในการต่อสู้คดี โดยที่ผู้พิพากษาซึ่งเป็นตัวแทน แห่งอำนาจรัฐจะต้องวางตัวเป็นกลางอย่างเคร่งครัด (passive) การตรวจสอบค้นหาความจริงในระบบคอมมอนลอว์นั้นกระทำในชั้นศาล ผ่านกลไกของการ สืบพยานด้วยวาจาในระบบซักถาม โดยทั้งโจทก์และจำเลยจะต้องนำพยานของตนมาสืบ ซึ่งพยาน บุคคลจะถูกตั้งคำถามเพื่อให้ อธิบายถึงข้อเท็จจริงซึ่งสนับสนุนสิ่งที่กล่าวอ้าง จากการถามนำของ ทนายฝ่ายของตนด้วยคำถามที่ทำให้พยานตอบได้แต่เพียงว่า “ใช่” หรือ “ไม่ใช่” จากนั้นจะมีการถาม ค้านโดยทนายฝ่ายตรงข้ามเพื่อตรวจสอบคำพยาน ความน่าเชื่อถือ และปิดท้ายด้วยการถามติงซึ่ง เป็นการตั้งคำถามโดยทนายฝ่ายของตนอีกครั้ง เพื่อให้พยานได้มีโอกาสอธิบายในส่วนที่ไม่มีโอกาส อธิบายให้ครบถ้วนจากการตอบคำถามในการถามค้าน ระบบซักถามจึงอยู่ภายใต้หลักการสำคัญที่ว่า ข้อเท็จจริงที่นำสืบจะต้องเป็นข้อเท็จจริงที่คู่ความทุกฝ่ายได้มีโอกาสรับทราบ และมีโอกาสได้โต้แย้ง เพื่อคัดค้านแล้ว โดยทั้งหมดเป็นหลักของกลไกการตรวจสอบค้นหาความจริง ซึ่งเห็นได้อย่างชัดเจนว่า คู่ความมีบทบาทในการกำหนดรูปคดี จากการกำหนดเนื้อหาข้อพิพาท และกำหนดความสัมพันธ์ทาง กฎหมาย ในขณะที่ศาลจะวางตัวเป็นกลางไม่ไปก้าวล่วงในการนำสืบ หากจะมีการถามโดยศาลก็จะ เป็นการถามเพื่อความชัดเจนหรือเพื่อความเป็นธรรมต่อจำเลยเท่านั้น การพิจารณาคดีจึงเป็นการ พิจารณาข้อเท็จจริงเฉพาะสิ่งที่คู่ความนำเสนอเท่านั้น วิธีการเช่นนี้ส่งผลดีต่อของการคุ้มครองสิทธิของจำเลย โดยระบบจะสามารถรับประกันได้ว่า จำเลยจะมีโอกาสต่อสู้เพื่อปกป้องสิทธิของตนได้อย่างเต็มที่ และไม่ก่อให้เกิดความมีอคติของศาล นอกจากนี้ ในการสืบพยานยังมีการใช้ระบบลูกขุน (jury) ระบบลูกขุนจะมีความแตกต่างกันไปในแต่ ละประเทศ แต่จะมีลักษณะประการสำคัญร่วมกันคือ คณะลูกขุนนั้นจะมาจากประชาชนที่คัดเลือกมา จากผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ทำหน้าที่วินิจฉัยในส่วนของข้อเท็จจริง ซึ่งเป็นเรื่องที่วิญญูชนที่มีความคิดเป็น ปกติสามารถทำได้ ไม่จำต้องมีความรู้ความเข้าใจทางด้านกฎหมาย เพื่อเป็นการถ่วงดุลอำนาจรัฐใน

RkJQdWJsaXNoZXIy Mzk3MzI3