แนวคิดและหลักการสำคัญในกระบวนการยุติธรรม
86 สำหรับการกระทำที่มิชอบดังกล่าว รวมทั้งดำเนินการสอบสวนอย่างเที่ยงธรรมสำหรับข้อร้องเรียน เกี่ยวกับการกระทำที่มิชอบดังกล่าวนั้น ตลอดจนวางหลักให้เจ้าหน้าที่ที่มีเหตุผลอันควรเชื่อว่าเกิดการ กระทำละเมิด หรือ บุคคลอื่นที่มิใช่เจ้าหน้าที่แต่มีเหตุผลอันควรเชื่อว่าเกิดการละเมิดหลักการฉบับนี้ การตรวจสอบและแก้ไขเยียวยาจากการที่เจ้าหน้าที่ได้กระทำการดังกล่าว ในข้อที่ 7(1), (2), (3) 5.4.6 กฎมาตรฐานขั้นต่ำขององค์การสหประชาชาติว่าด้วยมาตรการไม่ควบคุมตัว ( United nations Standard Minimum Rules for Non-custodial Measures 1990) 157 กฎมาตรฐานฉบับนี้ได้กำหนดหลักการพื้นฐานที่จะส่งเสริมการใช้มาตรการไม่ควบคุมตัว ควบคู่ไปกับการกำหนดมาตรฐานขั้นต่ำในการคุ้มครองบุคคลที่ต้องถูกให้มาตรการทางเลือกอื่นที่ใช้ แทนโทษจำคุก ซึ่งขอบเขตมาตรการไม่ควบคุมผู้กระทำผิดนั้นต้องใช้มาตรฐานนี้ประยุกต์ใช้กับบุคคล ที่ถูกฟ้องร้อง อยู่ระหว่างพิจารณาคดี หรือการดำเนินการตามคำพิพากษา และคำว่าบุคคลใน มาตรฐานนี้ หมายถึง ผู้กระทำความผิด หรือผู้ต้องหา ผู้ที่อยู่ระหว่างการฟ้องร้อง และผู้ที่ถูกพิพากษา แล้ว อันเป็นหลักเกณฑ์ในข้อ 2.1 ข้อ 3 กำหนดสรุปความไว้ว่า ศาลหรือองค์กรอื่นที่มีอำนาจหน้าที่นั้นพึงใช้ดุลพินิจที่ เหมาะสมในทุกขั้นตอนของการพิจารณา และคำพิพากษาที่ให้ใช้มาตรการไม่ควบคุมตัวนั้นพึงถูก ตรวจสอบหรือให้ผู้กระทำความผิดมีสิทธิอุทธรณ์ได้ อีกทั้งให้ผู้กระทำความผิดมีสิทธิที่จะร้องขอต่อ ศาลหรือร้องเรียนต่อองค์กรที่มีอำนาจหน้าที่เพื่อตรวจสอบกรณีที่ผู้กระทำความผิดนั้นเห็นว่าตนถูก กระทบสิทธิจากการที่ถูกบังคับใช้มาตรการไม่ควบคุมตัวนั้นได้ ข้อ 6 กำหนดไว้สรุปความได้ว่า การคุมขังในขั้นตอนก่อนชั้นพิจารณาคดีนั้นพึงใช้ต่อเมื่อ เป็นหนทางสุดท้ายที่ไม่มีวิธีการอื่นที่เหมาะสมกว่าแล้ว โดยในการจะใช้พึงคำนึงถึงความจำเป็นต่อการ สอบสวนความผิดตามข้อกล่าวหาตลอดจนการคุ้มครองสังคมและผู้เสียหายเป็นสำคัญ ผู้ถูกคุมขังพึงมี สิทธิที่จะอุทธรณ์ต่อศาลหรือองค์กรอื่นที่มีอำนาจหน้าที่เพื่อตรวจสอบความถูกต้องชอบธรรมของการ คุมขังในกรณีที่มีการคุมขังในขั้นตอนก่อนชั้นพิจารณาคดี 157 กฎมาตรฐานฉบับนี้รับรองโดยที่ประชุมสมัชชาทั่วไป โดยมติที่ 45/110 เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม ค.ศ. 1990
Made with FlippingBook
RkJQdWJsaXNoZXIy Mzk3MzI3