100000167

๔๑ ตรวจพบรายการจ่ายเงินอันเนื่องจากการทุจริตก็ตาม ก็ไม่อาจยับยั้งการจ่ายเงินของแผนกเงินได้ เพราะได้ จ่ายเงินไปแล้ว ความเสียหายที่หน่วยงานของรัฐซึ่งเป็นโจทก์ได้รับ หาใช่ผลโดยตรงจากการกระทําของ จําเลยไม่ จึงถือไม่ได้ว่าจําเลยได้ทําละเมิดต่อโจทก์ คาพิพากษาศาลฎีกาที่ 1087/2517 โจทก์ขอซื้อตั๋วแลกเงินจากธนาคารออมสิน สาขา ปทุมวัน ซึ่งเป็นสาขาหนึ่งของธนาคารออมสินจําเลยที่ 1 ส่งไปให้ ท. ที่จังหวัดสตูล โดยทางไปรษณีย์ ลงทะเบียน แต่ตั๋วแลกเงินนั้นหายไป และปรากฏว่ามีผู้ขอรับเงินตามตั๋วแลกเงินแล้ว โดยไปรับเงินจาก ธนาคารออมสิน สาขาศรีราชา โดยตั๋วแลกเงินที่มีผู้รับเงินไปแล้วนั้นมีรอยต่อเติมชื่อและนามสกุลของ ท. ในช่องจ่าย ซึ่งมองเห็นได้ชัดทั้งสีหมึกและรอยต่อเติมตัวอักษร การจ่ายเงินของผู้จัดการธนาคารออมสิน สาขาศรีราชา จึงเป็นการกระทําด้วยความประมาทเลินเล่อ ผู้จัดการสาขาธนาคารออมสินจําเลยที่ 2 จึง ต้องรับผิด และจําเลยที่ 1 ต้องรับผิดร่วมด้วย ส่วนการที่โจทก์ส่งตั๋วแลกเงินพร้อมกับจดหมายไปให้ ท. โดยทางไปรษณีย์ลงทะเบียน แต่มิได้แจ้งการส่งตั๋วแลกเงินให้จําเลยที่ 5 ซึ่งเป็นนายไปรษณีย์ทราบ จําเลยที่ 5 มีหน้าที่รับผิดชอบแต่ เฉพาะไปรษณีย์ภัณฑ์ที่ส่งไปหายเท่านั้น จําเลยที่ 5 ไม่มีหน้าที่จะต้องรู้และรับผิดในวัตถุอันมีค่าที่บรรจุอยู่ ในไปรษณีย์ภัณฑ์นั้น การที่ตั๋วแลกเงินของโจทก์สูญหายไป เป็นความเสียหายที่จําเลยที่ 5 ไ ม่สามารถจะ คาดเห็นได้ จําเลยที่ 5 จึงไม่ต้องรับผิด อันเป็นผลถึงกรมไปรษณีย์โทรเลขจําเลยที่ 4 ไม่ต้องรับผิดด้วย คาพิพากษาศาลฎีกาที่ 139/2519 จําเลยเป็นพนักงานของโจทก์และเป็นผู้ใช้รถยนต์ของ โจทก์คันพิพาท วันเกิดเหตุเวลา 18 นาฬิกา จําเลยขับรถยนต์ดังกล่าวมาจอดห่างหน้าสํานักงานโจทก์ราว 10 เมตร การที่รถดังกล่าวถูกคนร้ายลักไปก็เนื่องจากพนักงานซึ่งมีหน้าที่ดูแลรักษารถคันพิพาทหลับยาม โดยจําเลยมิได้มีหน้าที่ดูแลรถคันพิพาทด้วย ความเสียหายดังกล่าวจึงมิใช่ผลโดยตรงจากการกระทําของ จําเลย ข้อสังเกต 1. เมื่อครบองค์ประกอบของการกระทําละเมิดทั้ง 3 ประการ ตามมาตรา 420 แห่งประมวลแพ่ง และพาณิชย์ ดังกล่าวข้างต้นแล้ว ผู้กระทําละเมิดต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้เสียหาย ซึ่งตามหลัก กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ซึ่งเป็นหลักกฎหมายทั่วไป ค่าสินไหมทดแทนจะพึงใช้โดยสถานใดเพียงใดนั้น ให้ศาลวินิจฉัยตามควรแก่พฤติการณ์และความร้ายแรงแห่งละเมิด ตามมาตรา 438 วรรคหนึ่ง แห่ง ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ คาพิพากษาศาลฎีกาที่ 162/2507 สิทธิเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนเพื่อการละเมิดนั้น เมื่อข้อเท็จจริงไม่ได้ความว่าโจทก์เสียหายมากมายดังฟูอง ศาลจึงคิดคํานวณค่าเสียหายแก่โจทก์ โดย วินิจฉัยลดน้อยลงตามควรแก่พฤติการณ์และความร้ายแรงแห่งละเมิดได้ สําหรับค่าสินไหมทดแทนนั้น ได้แก่ การคืนทรัพย์สินอันผู้เสียหายต้องเสียไปเพราะละเมิด หรือใช้ ราคาทรัพย์สินนั้น รวมทั้งค่าเสียหายอันจะพึงบังคับให้ใช้เพื่อความเสียหายอย่างใด ๆ อันได้ก่อขึ้นนั้นด้วย ตามมาตรา 438 วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ การชดใช้ค่าสินไหมทดแทนมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้เสียหายกลับคืนสู่สภาพเดิมได้มากที่สุด ดังนั้น หากอยู่ในวิสัยที่จะคืนทรัพย์ได้ ก็ต้องคืนทรัพย์ ถ้าคืนทรัพย์ไม่ได้ ก็ต้องชดใช้ราคาทรัพย์ แต่ถ้าผู้เสียหายยัง ได้รับความเสียหายอย่างอื่นอีก ก็มีสิทธิที่จะได้รับการชดใช้เยียวยา ๑๔ ๑๔ ชาญชัย แสวงศักดิ์, คาอธิบายกฎหมายว่าด้วยความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่และความรับผิดชอบ ของรัฐโดยปราศจากความผิด , พิมพ์ครั้งที่ 10 (กรุงเทพมหานคร: วิญญูชน, 2560), หน้า 363.

RkJQdWJsaXNoZXIy Mzk3MzI3