การศึกษาอิสระ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ

16 นอกจากองค์ประกอบของรัฐต้องประกอบด้วย อาณาเขต ประชากร (พลเมือง) และอำนาจอธิปไตย (อำนาจของรัฐ) ได้มีนักวิชาการที่มีความเห็นเพิ่มเติมว่าองค์ประกอบของรัฐต้องมี ความสามารถเข้าสู่ความสัมพันธ์กับรัฐอื่น (Capacity to enter into relations with other States) ด้วย ความสามารถที่จะเข้าสู่ความสัมพันธ์กับรัฐอื่นจะแสดงออกในรูปของเอกราช (independence) และอำนาจอธิปไตย (Sovereignty) (จันตรี สินศุภฤกษ์. 2562, น. 75-76) ดังนั้น สรุปได้ว่า รัฐ ต้องประกอบด้วย 1) ดินแดนของรัฐที่มีขอบเขตที่ชัดเจน 2) ประชากรของรัฐ และ 3) อำนาจอธิปไตย รวมทั้งอาจต้องมีความสามารถเข้าสู่ความสัมพันธ์กับรัฐอื่น ได้ด้วย ขาดแม้เพียงองค์ประกอบใดองค์ประกอบหนึ่งก็ไม่ถือว่าเป็นรัฐ 2. องค์กรของรัฐและหลักการจัดการระเบียบราชการบริหาร สังคมแบ่งเป็นผู้ปกครองและผู้ใต้ปกครอง และในการปกครองต้องมีการระเบียบ เพื่อจะเอื้ออำนวยให้ผู้ใต้ปกครองมีความสุข มิใช่ผู้ปกครองจะบริหารประเทศได้ตามใจตนเอง ฉะนั้น ผู้ปกครองหรือผู้บริหารต้องดำเนินการตามระเบียบนั้น ๆ (วารี นาสกุล. 2551 , น. 82) ใน ขณะเดียวกันมีนักวิชาการได้อธิบายว่าในทางกฎหมายมหาชนถือว่ารัฐมีฐานะในทางกฎหมายเป็นนิติ บุคคลตามกฎหมายมหาชน เมื่อรัฐเป็นนิติบุคคลรัฐจึงต้องสามารถเป็นผู้ทรงสิทธิและหน้าที่ได้ด้วย ตนเอง แต่เนื่องจากรัฐไม่มีชีวิตหรือสามารถเคลื่อนไหว หรือกระทำการใดได้เหมือนกับบุคคลธรรมดา ดังนั้น รัฐจึงต้องกำหนดให้บุคคลธรรมดาเข้ามาทำหน้าที่แสดงเจตนาและกระทำการซึ่งมีผลผูกพันรัฐ ในทางกฎหมาย บุคคลที่เข้ามาทำหน้าที่แทนนั้นเรียกว่า องค์กรของรัฐ ซึ่งองค์กรของรัฐจะปรากฏใน ลักษณะตำแหน่งต่าง ๆ และกฎหมายจะกำหนดหน้าที่และอำนาจกำกับไว้ด้วยเสมอ โดยกฎหมาย จะต้องแต่งตั้งบุคคลธรรมดาเข้าไปดำรงตำแหน่งเพื่อทำหน้าที่และใช้อำนาจของรัฐที่เรียกว่า “เจ้าหน้าที่ของรัฐ” (สุวิทย์ ปัญญาวงค์. 2563, น. 129-130) องค์กรของรัฐถูกตั้งขึ้นเพื่อทำหน้าที่จัดทำภารกิจในนามรัฐ และเมื่อทำในกรอบหรือ ขอบเขตของกฎหมายที่อำนาจแล้ว กระทำย่อมมีผลผูกพันรัฐตามกฎหมาย ซึ่งสามารถจัดแบ่งองค์กร ของรัฐได้ 2 ประเภทโดยยึดเกณฑ์ฐานะและความสูงต่ำของตัวองค์กรได้แก่ 1) องค์กรตามรัฐธรรมนูญ กล่าวคือจัดตั้งขึ้นโดยรัฐธรรมนูญ และมีการกำหนดหน้าที่และอำนาจขององค์กรไว้ในรัฐธรรมนูญ 2) องค์กรทางปกครอง กล่าวคือ โดยทั่วไปองค์กรทางปกครองจะได้รับการจัดตั้งขึ้นโดยบทบัญญัติแห่ง กฎหมาย และให้หน้าที่และอำนาจหลักตามกฎหมายจัดตั้งหรือกฎหมายอื่น ๆ ที่ให้อำนาจไว้ เพื่อนำ นโยบายจากฝ่ายบริหารมาดำเนินการต่าง ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชนใน ชีวิตประจำวันเพื่อประโยชน์สาธารณะ ซึ่งสามารถแบ่งองค์กรทางปกครองอาจแบ่งได้เป็น 4 ประเภท

RkJQdWJsaXNoZXIy Mzk3MzI3