การศึกษาอิสระ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ

54 โดยแลกเปลี่ยนกับค่าธรรมเนียมในการแปลงสัญชาติ (Naturalization) โดยไม่ปรากฏว่ามี ความเกี่ยวโยงอื่นใดอีก (จุมพต สายสุนทร, 2565) ซึ่งเมื่อพิจารณาหลักที่ได้จากคำวินิจฉัยของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศข้างต้นแล้ว อาจสรุปได้ว่าการได้สัญชาติโดยการซื้อสัญชาติของรัฐต่างๆ ที่พบการขายสัญชาติประเทศของตน ให้กับคนต่างด้าวนั้น หากปราศจากความเกี่ยวโยงอันแท้จริง (Genuine link) แล้ว รัฐอื่น ๆ อาจไม่ให้ การยอมรับได้ อย่างไรก็ดีในปัจจุบันนี้บางประเทศได้เปิดโอกาสให้คนในรัฐสามารถเลือกมีสัญชาติได้ ตามความประสงค์ รวมถึงการสามารถถือสองสัญชาติได้ เช่นประเทศออสเตรเลีย ก่อนปี พ.ศ. 2545 กฎหมายออสเตรเลียมีหลักเกณฑ์ห้ามบุคคลที่มีสัญชาติออสเตรเลียทำการถือสัญชาติสองสัญชาติ หากมิฉะนั้นประเทศออสเตรเลียจะถือว่าบุคคลนั้นขาดจากการเป็นบุคคลสัญชาติออสเตรเลีย โดยอัตโนมัติ กล่าวคือ บุคคลนั้นไม่จำเป็นต้องแสดงเจตนาในการสละสัญชาติ ประเทศออสเตรเลีย จะถือว่าบุคคลนั้นไม่มีสัญชาติออสเตรเลียทันทีที่บุคคลนั้นได้รับสัญชาติใหม่หรือมีสัญชาติอื่นรองรับ อยู่แล้ว แต่ต่อมามีการยกเลิกบทบัญญัติดังกล่าวไป โดยอนุญาตให้บุคคลสามารถถือสองสัญชาติได้ไม่ ว่าจะโดยวิธีการอาศัยอยู่อย่างถาวรในรัฐอื่น หรือการขอถือสัญชาติตามคู่สมรสที่เป็นคนต่างด้าว (นฤมล ฐานิสโร, 2561) 2.5.6 การขัดกันของกฎหมายสัญชาติ การแก้ไขปัญหาเรื่องการขัดกันของกฎหมายสัญชาติอันเนื่องมาจากรัฐมีอำนาจแต่ผู้เดียว ในการกำหนดเรื่องสัญชาติสำหรับคนชาติของตน รัฐย่อมสามารถกำหนดเงื่อนไขเกี่ยวกับสัญชาติ ได้ตามประสงค์ของตน รัฐอื่นไม่สามารถมาข้องเกี่ยวใด ๆ ได้ สัญชาติจึงเป็นเรื่องเขตอำนาจภายใน ขอ งรัฐอย่ างแท้จ ริ ง (Domestic Jurisdiction) แต่ก ารที่ รัฐต่ างฝ่ ายต่ างบัญญั ติกฎ หม าย ตามที่ตนประสงค์จะทำให้เกิดการขัดกันของกฎหมายสัญชาติได้ หมายความว่า บุคคลอาจได้รับ ผลกระทบจากการขัดกันของกฎหมายสัญชาติทั้งในเชิงบวกและเชิงลบ เชิงบวก คือ เมื่อเกิ ด การขัดกันของกฎหมายสัญชาติแล้วทำให้บุคคลมีหลายสัญชาติ เชิงลบคือ เมื่อเกิดการขัดกันของ กฎหมายสัญชาติแล้ว ทำให้บุคคลไร้สัญชาติไป ทางแก้ไขปัญหาในเรื่องนี้อาจแก้ไขด้วยเครื่องมือทาง กฎหมายระหว่างประเทศ คือ ความตกลงระหว่างประเทศที่เรียกชื่อว่า สนธิสัญญา ( Treaty) หรือ อนุสัญญานั่นเอง สนธิสัญญาอาจกำหนดแนวทางที่จะขจัดปัญหาการขัดกันของกฎหมายสัญชาติทั้ง เชิงบวกและเชิงลบได้ โดยการกำหนดเกณฑ์ให้รัฐภาคีแห่งกฎหมายสนธิสัญญาถือปฏิบัติในแนวทาง เดียวกัน (Uniform Law) ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่มีใครสามารถบังคับรัฐให้ทำสิ่งใดได้หากรัฐมิได้สมัครใจที่จะ จำกัดอำนาจอธิปไตยของตนเอง ด้วยเหตุนี้จึงได้มีอนุสัญญาเกี่ยวกับการขัดกันทางกฎหมายสัญชาติ ขึ้นที่ เรีย ก ว่ า Convention on Certain Question Relating to the Conflict of Nationality Laws 1930

RkJQdWJsaXNoZXIy Mzk3MzI3