การศึกษาอิสระ - วิทยานิพนธ์ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ

14 ตลอดจนมีส่วนร่วมในกำรบำรุงรักษำทรัพยำกรธรรมชำติ นำมำซึ่งผลประโยชน์ให้แก่ชุมชน ไม่ว่ำจะเป็นเรื่องของรำยได้ ผลประโยชน์ตอบแทน รวมถึงเพื่อยกระดับคุณภำพชีวิตของคนในชุมชน ประเภทของแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศ แบ่งออกเป็น 3 แบบ ดังนี้ 1. แหล่งท่องเที่ยวทำงธรรมชำติ (Natural Attractions) หรือที่เกิดตำมธรรมชำติ ประกอบด้วย สภำพภูมิอำกำศ (climate) ทิวทัศน์ที่สวยงำม (Scenery) และสัตว์ป่ำ (Wildlife) ถือได้ว่ำเป็นแหล่ง ท่องเที่ยวที่สำมำรถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้อย่ำงมำก แต่แหล่งท่องเที่ยวเหล่ำนี้ต้องได้รับกำรดูแลและ บำรุงรักษำจำกควำมร่วมมือของทุกฝ่ำย เนื่องจำกนักท่องเที่ยวที่รู้เท่ำไม่ถึงกำรณ์อำจทำลำยควำม งดงำมอันทรงคุณค่ำไปได้ 2. แหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้ำงขึ้น (Manufactured Attractions) เมืองขนำดใหญ่ สำมำรถ ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้ำไปเที่ยวชมสิ่งก่อสร้ำงและสถำปัตยกรรมทำงประวัติศำสตร์ ศำสนสถำน เช่น พระรำชวังหรืออำคำรเก่ำแก่ที่มีประวัติควำมเป็นมำที่สำคัญ 3. แหล่งท่องเที่ยวทำงวัฒนธรรมและวิถีชีวิต มีกลุ่มนักท่องเที่ยวอีกจำนวนไม่น้อยที่สนใจใน ควำมรุ่งเรืองแห่งอำรยะธรรมในอดีต หรือวัฒนธรรม หรือวิถีชีวิตของชนกลุ่มน้อย รวมถึงพิธีกรรม ศิลปะกำรแสดง ดนตรี/เพลงพื้นบ้ำน กำรละเล่น ตลอดจนงำนหัตถกรรมด้วย กิจกรรมกำรท่องเที่ยวเชิงนิเวศ กำรท่องเที่ยวเชิงนิเวศเป็นกิจกรรมที่ก่อให้เกิดกำรเรียนรู้สร้ำงประสบกำรณ์แก่นักท่องเที่ยว รวมทั้งไม่ทำลำยสิ่งแวดล้อม เช่น กำรเดินศึกษำธรรมชำติ (เดินป่ำ) ถ่ำยรูปธรรมชำติ กิจกรรมส่อง/ ดูนก เที่ยวถ้ำ เป็นต้น ปัจจุบันแนวควำมคิดเกี่ยวกับกำรท่องเที่ยวเชิงนิเวศได้รับกำรตอบรับอย่ำงดีทั้งภำครัฐและ ภำคเอกชน เนื่องจำกกำรส่งเสริมกำรท่องเที่ยวเชิงนิเวศสำมำรถสร้ำงรำยได้ และยังเป็น กำรเสริมสร้ำงอำชีพและรำยได้ให้กับประชำชนในท้องถิ่นจำกกิจกรรมกำรท่องเที่ยว กำรท่องเที่ยว เชิงนิเวศสำมำรถทำให้กำรพัฒนำเศรษฐกิจกำรท่องเที่ยว และสร้ำงจิตสำนึกในกำรอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม สำมำรถดำเนินควบคู่กันไปได้ ไม่ให้ส่งผลกระทบต่อสภำพแวดล้อมทั้งทำงทรัพยำกรธรรมชำติและ วัฒนธรรม กำรท่องเที่ยว เชิงนิเวศเป็นรูปแบบหนึ่งที่สร้ำงจิตสำนึกให้กับผู้มำเยือน เพื่ออนุรักษ์ รู้สึกหวงแหนซึ่งทรัพยำกรธรรมชำติ อีกทั้งยังเป็นกำรสร้ำงรำยได้ให้แก่ชุมชน แต่ยังคงขำดควำม รอบคอบในกำรควบคุมให้มีประสิทธิภำพ (เดชำ ศิริสุวรรณ, 2550)