การศึกษาอิสระ - วิทยานิพนธ์ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ

51 3.3 เครื่องมือในกำรรวบรวมข้อมูลเชิงคุณภำพ เป็นกำรศึกษำเอกสำรและงำนวิจัยที่เกี่ยวข้องกับมำตรกำรควบคุมผลกระทบจำกธุรกิจ กำรท่องเที่ยวเชิงนิเวศ เพื่อเป็นแนวทำงในกำรเก็บรวบรวมข้อมูลเชิงคุณภำพ ดังนี้ 1. สร้ำงแบบสัมภำษณ์แบบมีโครงสร้ำง (Structured Interview) 2. นำแบบสัมภำษณ์แบบมีโครงสร้ำงที่สร้ำงขึ้นให้ผู้ทรงคุณวุฒิตรวจสอบควำมตรงของเนื้อหำข้อ ซักถำมแต่ละข้อ 3. ปรับปรุงแก้ไขแบบสัมภำษณ์แบบมีโครงสร้ำงตำมข้อเสนอแนะของผู้ทรงคุณวุฒิ 4. นำแบบสัมภำษณ์แบบมีโครงสร้ำงที่ตรวจสอบควำมตรงของเนื้อหำ (Content of Validity) ยื่นต่อคณะกรรมกำรจริยธรรมกำรวิจัยในคน มหำวิทยำลัยทักษิณ ซึ่งได้รับกำรรับรองแล้ว ตำมแนวทำงหลักจริยธรรมกำรวิจัยในคนที่เป็นมำตรฐำนสำกล ได้แก่ Declaration of Helsinki, The Belmont Report, CIOMS Guideline แ ล ะ International Conference onHarmonization in Good Clinical Practice ห รื อ ICH-GCP ต ำม ใบ รับ ร อ งที่ COA No.TSU 2021_173 REC No.0328 เมื่อได้แบบสัมภำษณ์แบบมีโครงสร้ำงที่มีควำมเชื่อมั่นแล้ว นำแบบสัมภำษณ์แบบมีโครงสร้ำงไป เก็บข้อมูลเพื่อดำเนินกำรวิจัย โดยผู้วิจัยเก็บรวบรวมข้อมูล โดยใช้แบบสัมภำษณ์แบบมีโครงสร้ำง (Structured Interview) ไปทำกำรสัมภำษณ์กลุ่มเป้ำหมำยด้วยตนเอง และเก็บรวบรวมข้อมูลตำม ประเด็นข้อคำถำมที่กำหนดไว้ในแบบสัมภำษณ์ที่มีโครงสร้ำงต่อไป 3.4 กำรวิเครำะห์ข้อมูล กำรวิเครำะห์ข้อมูลเชิงคุณภำพที่ได้มำจำกกำรสัมภำษณ์ ผู้วิจัยมีลำดับขั้นตอนในกำรวิเครำะห์ ดังนี้ 1. ผู้วิจัยจะนำข้อมูลที่ได้จำกกำรสัมภำษณ์ โดยนำคำสัมภำษณ์หรือบันทึกสัมภำษณ์ จำกผู้สัมภำษณ์มำวิเครำะห์ในแต่ละประเด็น มำเปรียบเทียบระหว่ำงแต่ละบุคคล และจัดลำดับ ควำมสำคัญตำมคุณลักษณะของข้อมูล 2. ผู้วิจัยนำข้อมูลที่ได้จำกกำรสัมภำษณ์ที่จัดลำดับควำมสำคัญแล้ว มำเปรียบเทียบกับข้อมูลทำง เอกสำรต่ำงๆ ที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่ำจะเป็นแนวคิด ทฤษฎี วรรณกรรมที่เกี่ยวข้อง เพื่อที่จะได้ทรำบถึง ลักษณะที่มีควำมคล้ำยคลึงกัน และแตกต่ำงกันของข้อมูล

RkJQdWJsaXNoZXIy Mzk3MzI3