การศึกษาอิสระ - วิทยานิพนธ์ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ
58 ผู้รับงานไปทำที่บ้าน กลุ่มอาชีพบริการ และแบบที่ศึกษาในภาพรวมแบบหลากหลายอาชีพ ผล การศึกษาส่วนใหญ่พบตรงกันว่า ส่วนใหญ่แรงงานนอกระบบเป็นผู้ที่มีระดับการศึกษาในระดับ ประถมศึกษา มีชั่วโมงการทำงานมากกว่า 8 ชั่วโมง และได้รับรายได้จากการทำงานต่างจากระดับ ค่าจ้างขั้นต่ำมาก ซึ่งจุดสนใจและลักษณะของการศึกษาเรื่องแรงงานนอกระบบเริ่มเปลี่ยนแปลง ในช่วงปลายทศวรรษ 2540 ซึ่งมีการศึกษาเกี่ยวกับแรงงานนอกระบบ ที่มีวิธีการศึกษาและมุ่งศึกษา ในประเด็นที่แตกต่าง กล่าวคืองานศึกษาในช่วงนี้ผู้ศึกษาเป็นหน่วยงานราชการหรือไม่ก็เป็นผู้ได้รับทุน สนับสนุนจากหน่วยงานราชการ และการศึกษาเหล่านี้มีเป้าหมายเพื่อเสริมสร้างการศึกษา สวัสดิการ และความมั่นคงในการทำงานให้กับแรงงานนอกระบบ จากการศึกษาพบว่าในปัจจุบันแรงงานนอก ระบบถูกให้ความหมายไปแนวทางเดียวกันว่าเป็นแรงงานหรือผู้มีงานทำที่ไม่ได้รับความคุ้มครองและ ไม่มีหลักประกัน ซึ่งการให้คำนิยาม ในลักษณะนี้จะก่อให้เกิดความยากลำบากในการพิจารณาว่าแท้ที่ จริงแล้วแรงงานนอกระบบหมายถึงกลุ่มใดบ้าง เนื่องจากพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงานได้ให้ความ คุ้มครองแรงงานเพิ่มขึ้นกว่าในอดีต ในทางตรงกันข้ามหากพิจารณาว่าแรงงานนอกระบบเป็นแรงงาน หรือผู้มีงานทำที่ไม่ได้รับความคุ้มครองและไม่มีหลักประกัน จะมีกลุ่มคนที่ไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายรวมอยู่ ด้วย เช่น เจ้าของร้านทอง นักเล่นหุ้น นักร้อง นักแสดง เป็นต้น ซึ่งอาจกล่าวได้ว่าเป็นกลุ่มคนที่มี รายได้สูง ในส่วนของผู้ที่เรียกตนเองว่าแรงงานนอกระบบ พบว่าบางส่วนมีการรวมกลุ่มเพื่อแสดงออก ถึงตัวตนและข้อเรียกร้องของตนในโอกาสต่างๆ ซึ่งกลุ่มเหล่านี้มีจุดเริ่มต้นจากการรวมตัวของผู้รับงาน ไปทำที่บ้าน ผู้ผลิตขนาดเล็ก และได้มีการขยายเครือข่ายครอบคลุมถึงแรงงานนอกระบบในภาค เกษตร ภาคบริการ โดยจะเน้นไปที่การขยายความคุ้มครองให้กับแรงงานนอกระบบ ซึ่งแสดงให้เห็น ว่าแรงงานนอกระบบตามความหมายอย่างกว้างนั้น ยังคงรวมถึงแรงงานกลุ่มอื่นๆ นอกเหนือไปจาก กลุ่มผู้ผลิตขนาดเล็กและแรงงานที่รับงานกลับไปทำที่บ้านด้วย (ตะวัน วรรณรัตน์, 2557) สุวิท อินนามมา กล่าวว่า ภาวะทางสุขภาพและสังคมของแรงานนอกระบบจะแตกต่างกัน บนพื้นฐานแนวคิดและประสบการณ์ของแรงงานแต่ละคน ส่วนใหญ่จะรับรู้และเข้าใจความเสี่ยงของ ตนเองและบางส่วนมีปัญหาสุขภาพเกิดขึ้นจากการทำงาน แต่มุมมองเรื่องสุขภาพยังมีความสำคัญ น้อยกว่าเรื่องความเป็นอยู่ในครอบครัวและสังคมของแรงงาน โดยเฉพาะเรื่องรายได้และการมีงานทำ อย่างต่อเนื่อง รูปแบบการรับงานมาทำที่บ้านนอกจากจะทำให้มีการช่วยเหลือกันในการทำงานแล้ว ยังทำให้เกิดกระบวนการเรียนรู้และการพึ่งพาตนเองด้านสุขภาพ การรวมกลุ่มหรือการมีปฏิสัมพันธ์ กันอย่างต่อเนื่องจะทำให้แรงงานได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านต่างๆ อย่างไรก็ตามรูปแบบ ความสัมพันธ์ดังกล่าวยังมีไม่มากนัก ทั้งยังขาดการส่งเสริมและการสนับสนุนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อย่างจริงจัง การแสวงหาการบริการหรือการดูแลสุขภาพของแรงงาน แม้ส่วนใหญ่จะดูแลตนเองได้ แต่แบบแผนการป้องกันหรือหลีกเลี่ยงจากงานหรือกิจกรรมที่มีความเสี่ยงยังขาดความต่อเนื่องและ เหมาะสม จนกระทั่งเกิดปัญหาความรุนแรงหรือเรื้อรังจึงจะเข้าสู่ระบบทางการแพทย์และสาธารณะ
Made with FlippingBook
RkJQdWJsaXNoZXIy Mzk3MzI3