2566-1 นางสาวปุณฑริก เกิดทิพย์-วิทยานิพนธ์

141 หมวดที่ 4 อานาจศาลในการออกคาสั่งคุ้มครองสิทธิผู้ถูกกลั่นแกล้งทางสื่อสังคมออนไลน์ มาตรา 8 ก่อนศาลมีคาพิพากษา ผู้สียหายอาจร้องขอต่อศาลให้ศาลมีคาสั่ง ดังนี้ (1) ห้ามผู้กลั่นแกล้งผู้อื่นทางสื่อสังคมออนไลน์ ติดต่อสื่อสารกับผู้เสียหาย (2) ห้ามผู้กลั่นแกล้งผู้อื่นทางสื่อสังคมออนไลน์ เชื่อมต่อโครงข่ายอินเตอร์เน็ตจาก ผู้ให้บริการ (3) ให้ดาเนินการอื่นใดตามที่ศาลเห็นสมควรเพื่อบรรเทาความเสียหายที่เกิดขึ้นจาก การกระทาความผิดนั้น มาตรา 9 ผู้ใดรู้ว่าข้อมูลคอมพิวเตอร์ในความครอบครองของตนเป็นข้อมูล ตามมาตรา 6(2) ที่มีคาสั่งให้ระงับการส่งออก นาเข้า เผยแพร่ หรือทาลาย ลบ ข้อมูลคอมพิวเตอร์ ผู้นั้นต้องระงับการ ส่งออก นาเข้า เผยแพร่หรือทาลายข้อมูลคอมพิวเตอร์ หากฝ่าฝืนต้องระวางโทษกึ่งหนึ่งของโทษที่ บัญญัติไว้ในมาตรา 10 หมวดที่ 5 บทกาหนดโทษ มาตรา 10 ผู้ใดกระทาการกลั่นแกล้งผู้อื่นทางสื่อสังคมออนไลน์ โดยประการที่น่าจะทาให้ ผู้อื่นนั้นได้รับความทุกข์ ความเจ็บปวดทางจิตใจ อับอาย หรือกระทบต่อสิทธิส่วนบุคคลหรือศักดิ์ศรี ความเป็นมนุษย์ของบุคคลอื่น ผู้นั้นกระทาความผิดฐานกลั่นแกล้งทางสื่อสังคมออนไลน์ ต้องระวาง โทษปรับไม่เกินหนึ่งแสนห้าหมื่นบาท ถ้าผู้ถูกกระทาการกลั่นแกล้งทางสื่อสังคมออนไลน์ ตามวรรคหนึ่งเป็นเด็กอายุไม่เกิน สิบแปดปี ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสามแสนบาท ผู้มีสิทธิยื่นฟ้องในฐานความผิดการกลั่นแกล้งทางสื่อสังคมออนไลน์ ได้แก่ ผู้เสียหาย โดยตรง หรือกรณีผู้เสียหายเป็นเด็กที่อายุไม่เกินสิบแปดปีให้อานาจ ผู้ปกครองมีอานาจฟ้องร้องแทน มาตรา 11 ผู้ใดทาให้ผู้อื่นเสียหายแก่จิตใจ หรือสิทธิความเป็นส่วนตัว ผู้ต้องเสียหายนั้นจะ เรียกร้องเอาค่าสินไหมทดแทนเพื่อความที่เสียหายอย่างอื่นอันมิใช่ตัวเงินด้วยอีกก็ได้ สิทธิเรียกร้องตามวรรคหนึ่งนั้น ไม่สามารถโอนแก่กันได้ และไม่ตกสืบไปถึงทายาท เว้นแต่สิทธิเช่นว่านั้น จะได้รับสภาพกันไว้โดยสัญญาหรือได้เริ่มฟ้องคดีตามสิทธินั้นไว้แล้ว มาตรา 12 ความผิดตามพระราชบัญญัตินี้เป็นความผิดอันยอมความได้

RkJQdWJsaXNoZXIy Mzk3MzI3