2566-1 นางสาวพัชราภรณ์ เรืองเพ็ง-การค้นคว้าอิสระ

57 จัดงานพิธี คริสต์ศาสนา ผลดี คือ ผู้ถวายมีความภูมิใจ พระเจ้าจะอวยพรให้ อีกอย่างคือการมีส่วน ร่วมในพระ ราชกิจของพระเจ้า เพราะทรัพย์ที่ถวายนั้นจะถูกนำไปใช้เพื่องานหรือกิจกรรมของพระเจ้า ส่วนผลเสีย คือ บางครั้งนำเงินมาแล้วเกิดปัญหาการจัดสรรปันส่วนหรือบางครั้งนำเงินไปจ่ายผิด ประเภท (3) ศาสนาพุทธ ให้ความเห็นว่า การขอรับบริจาคจะเป็นไปตามหลักสาธารณ สงเคราะห์ คือ เมตตาค้ำจุนโลก เป็นผลดีที่เห็นควรช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ที่ยากลำบาก โดยมีหลักคำ สอนว่า “ยอมเสียสละทรัพย์เพื่อรักษาอวัยวะ ยอมเสียอวัยวะเพื่อรักษาชีวิต ยอมเสียชีวิตเพื่อรักษา ธรรมะ” นั่นคือ ความถูกต้อง ส่วนผลเสีย คือ ช่วยเหลือคนผิด หรือช่วยเหลือแล้วเขาไม่เติบโต ซึ่งจะต้องคอยช่วยเหลือต่อไปอยู่เรื่อย ๆ ฉะนั้นการช่วยเหลือที่ดี ต้องเป็นการช่วยระยะยาว คือ ให้ โอกาสคนได้ศึกษา ช่วยหางานให้ทำ เป็นต้น ดังนั้น สรุปจากการสัมภาษณ์จะเห็นได้ว่าคำตอบของผู้ให้ข้อมูลทั้ง 3 ศาสนา ล้วนเห็นสอดคล้องกันว่าการขอรับบริจาคสามารถกระทำได้ตามหลักศาสนา และการขอรับบริจาค เกิดผลดีมากกว่าผลเสีย เพราะคนไทยถูกปลูกฝังให้มีค่านิยมในการบริจาค ไม่ว่าจะเป็นสิ่งของ เงิน หรือการช่วยเหลือทางด้านอื่น ๆ และมีอิทธิพลต่อทางด้านจิตใจและความเชื่อทางศาสนา ในการทำ ความดี จะได้ผลบุญผลกุศลเป็นการตอบแทน ประเด็นที่ 2 คือ ตัวผู้บริจาค เมื่อศึกษาพบว่า เนื่องจากการบริจาคนั้น ไม่ได้มี ปัญหาเพียงแค่ในแง่มุมของผู้ขอบริจาคเพียงอย่างเดียว แต่ตัวบุคคลที่บริจาคหรือเป็นผู้ให้นั้นก็เป็น ปัจจัยส่วนหนึ่งที่ให้เกิดปัญหาและก่อให้เกิดมิจฉาชีพขึ้น เนื่องจากความใจดีมากเกินไป จนไม่ ตรวจสอบข้อมูลของผู้ขอรับบริจาคให้ดีเสียก่อนว่าบุคคลเหล่านั้นเป็นมิจฉาชีพหรือไม่ หรือทราบอยู่ แล้วหรือทราบในภายหลังว่าผู้ขอรับบริจาคหลอกลวง แล้วปล่อยปละละเลยไม่ติดตามดำเนินการใดใด กับผู้ขอรับบริจาคเหล่านั้น โดยจากผลการสัมภาษณ์เชิงลึก สำหรับกลุ่มผู้ให้ข้อมูล ในส่วนของผู้นำ ศาสนาทั้ง 3 ศาสนา เห็นสอดคล้องกันว่าการบริจาค เกิดจากความเชื่อของศาสนาที่ว่าทำบุญไปแล้ว ไม่ควรไปติดตามเพราะกลัวจะไม่ได้รับผลบุญ จึงปล่อยปละละเลยไม่ติดตามทวงคืน ก่อให้เกิดปัญหาที่ ทำให้มิจฉาชีพได้ใจ โดยได้อธิบายไว้หลากหลาย ดังนี้ (1) ศาสนาอิสลาม โดยปกติแล้ว หากทำบุญหรือบริจาคเงินแล้วถูกหลอกเงิน เพียงแค่จำนวนเล็กน้อยไม่มีผู้ใดคิดจะดำเนินการใด ๆ เพื่อเอาผิดหรือจะติดตามทวงเงินคืนจากผู้ที่ หลอกลวง แต่หากมองตามหลักศาสนานั้น การหลอกลวงเพื่อให้ได้รับเงินเพียงแค่ 1 บาทก็ถือว่าผิด แล้วหรือรับผลบาป ฉะนั้น ถ้าผู้ใจบุญทราบว่าเป็นการหลอกลวงแต่ไม่ติดตามทวงคืนหรือดำเนินการ ใด ๆก็ถือว่าเป็นบาปเช่นกัน (2) ศาสนาคริสต์ ในมุมมองของศาสนาการให้หรือบริจาคแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ 1) ให้หรือบริจาคไปแล้วปรากฏว่าไม่ตรงตามเงื่อนไขที่ขอรับถือว่าไม่เป็นไร ผู้ให้จะไม่ติดตามทวงคืน

RkJQdWJsaXNoZXIy Mzk3MzI3