2566-1 นางสาวพัชราภรณ์ เรืองเพ็ง-การค้นคว้าอิสระ

80 มั่นคงของมนุษย์จังหวัด (พมจ.) เป็นต้น เข้ามาเป็นตัวกลางหรือสื่อกลางในการช่วยเหลือผู้ที่ประสบ ปัญหาความยากจน ความเดือดร้อนในยามคับขันหรือจวนเจียนที่จะต้องได้รับการช่วยเหลือในด้าน การเงินอย่างเร่งด่วน หรือมีความจำเป็นอย่างยิ่ง โดยหน่วยงานของรัฐดำเนินการเป็นผู้เข้าไป ตรวจสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้นและทำการเปิดการขอรับบริจาคให้กับบุคคลนั้น รวมทั้งแต่งตั้ง คณะกรรมการในการควบคุมดูแล เพื่อให้การขอรับบริจาคนั้นเป็นไปในช่องทางที่ถูกต้องตาม วัตถุประสงค์ เงื่อนไข และมีอำนาจในการสอดส่องตรวจสอบกิจกรรมเหล่านั้น เพื่อสนับสนุนการ พัฒนาสังคมและมนุษยธรรมโดยจัดให้สอดคล้องกับค่านิยมของประเทศไทย เพื่อส่งเสริมความโปร่งใส ตามหลักธรรมาภิบาลและแนวปฏิบัติที่ดีอย่างมีประสิทธิภาพ 2. จากการเสนอให้มีการแก้ไขในหัวข้อประการที่ 2 การกำหนดลักษณะวิธีของการ เรี่ยไร กรณีการจัดให้มีการขอรับบริจาคหรือกระทำการขอรับบริจาคผ่านสื่อสังคมออนไลน์ได้ก็ต่อเมื่อ ได้รับการอนุมัติจากพนักงานเจ้าหน้าที่นั้น ผู้วิจัยเห็นว่า ควรแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติกฎหมาย โดยให้ อำนาจหน้าที่แก่พนักงานเจ้าหน้าที่ที่จะกำหนดเงื่อนไข ในการกำกับดูแล ติดตาม เพื่อที่จะได้มี หน่วยงานของรัฐหรือพนักงานเจ้าหน้าที่เข้าไปกำกับดูแลและตรวจสอบข้อเท็จจริงและการดำเนินการ ทั้งก่อนการเปิดรับบริจาค และในขณะทำการรับบริจาค ประกาศยอดรับและจ่ายเงินและทรัพย์สินให้ ประชาชนทราบเป็นระยะหรือรายไตรมาสจนกว่าจะมีการปิดรับบริจาคหรือเสร็จสิ้นกิจกรรมนั้น ๆ และเมื่อการขอรับบริจาคนั้นได้เสร็จสิ้นลงแล้วก็ควรให้ภาครัฐได้ตรวจสอบหลังรับบริจาคอีกครั้งหนึ่ง เพื่อติดตามควบคุมตรวจสอบบัญชีรับบริจาคและผู้ขอรับบริจาคต้องแสดงรายรับ - รายจ่ายหลังปิดรับ บริจาค ควบคุมการดำเนินผ่านการตรวจเยี่ยมภาคสนาม จึงควรแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติมาตรา 8 วรรคสาม โดยกำหนดดังนี้ “ให้ คณะกรรมการควบคุมการเรี่ยไรมีอำนาจในการกำกับดูแล ติดตาม ควบคุมการดำเนินผ่านการตรวจ เยี่ยมภาคสนาม หรือกำหนดวิธีการใด ๆ ในการเข้าไปตรวจสอบการดำเนินทั้งก่อนการเรี่ยไร ในขณะ ทำการเรี่ยไร และหลังการเรี่ยไรนั้นได้เสร็จสิ้นลงแล้ว โดยคณะกรรมการอาจแต่งตั้งคณะทำงาน เพื่อ ช่วยเหลือในการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการได้ ทั้งนี้ ควรมีตัวแทนจากภาคเอกชน และผู้มีส่วนได้ ส่วนเสียจากการเรี่ยไร เป็นคณะทำงานด้วย” ซึ่งเหตุผลในการสนับสนุนการกำหนดอำนาจในการ กำกับดูแล ดังกล่าวเป็นไปตามมาตรการทางกฎหมายของสาธารณรัฐสิงคโปร์และสหรัฐอาหรับ เอมิเรตส์ ที่มีหน่วยงานส่วนกลางและหน่วยงานท้องถิ่น รับผิดชอบในการกำกับดูแลและควบคุม เพื่อให้การใช้จ่ายเงินบริจาคให้เป็นไปตามความเป็นจริงและวัตถุประสงค์ อันเป็นการปกป้องเงินของผู้ บริจาค ให้ถูกนำไปใช้ตามเจตนารมณ์ของการบริจาค และปราศจากการทุจริต 3. กำหนดให้อำนาจคณะกรรมการควบคุมการเรี่ยไรหรือพนักงานเจ้าหน้าที่เป็น ผู้อนุญาตการจัดให้มีหรือทำการเรี่ยไรตามพื้นที่การปกครอง ส่วนผู้จะขออนุญาตดำเนินการเรี่ยไร จะต้องเดินทางไปยังเขตท้องที่การปกครองดังกล่าว ซึ่งเมื่อพิจารณาตามสภาพสังคมที่เปลี่ยนแปลง