2566-1 นางสาวพัชราภรณ์ เรืองเพ็ง-การค้นคว้าอิสระ
81 และความก้าวหน้าของเทคโนโลยีแล้ว ย่อมไม่สอดคล้องกัน การเดินทางไปยังพื้นที่ทำการของ เจ้าหน้าที่สร้างความไม่สะดวก บุคคลไม่สามารถที่จะขอรับบริจาคได้ทันทีทันใด ไม่สอดคล้องกับ สภาวการณ์ ผู้วิจัยเห็นว่า ควรกำหนดหน่วยงานผู้รับผิดชอบรับคำขออนุญาตทำการขอรับบริจาคหรือ ทำการเรี่ยไรผ่านช่องทางออนไลน์ พัฒนาระบบอิเล็กทรอนิกส์ศูนย์กลาง เพิ่มช่องทางและกำหนดให้ การยื่นขออนุมัติ การอนุญาต การออกใบอนุญาต การอุทธรณ์คำสั่ง ให้กระทำได้ด้วยวิธีการทาง อิเล็กทรอนิกส์ จึงควรแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติ มาตรา 5/2 โดยกำหนดดังนี้ “ในการยื่นขออนุมัติ การอนุญาต การออกใบอนุญาต การอุทธรณ์คำสั่ง หรือการออกเอกสารใด ๆ ตามกฎหมายนี้ ผู้ขอ อนุญาตจะเลือกยื่นคำขอรวมถึงนำส่งเอกสารหลักฐานหรือสำเนาเอกสารหลักฐานประกอบคำขอต่อผู้ อนุญาตโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ก็ได้ และให้ผู้อนุญาตแจ้งผลการพิจารณาและออกใบอนุญาต อนุมัติ หรือออกหนังสือผ่านทางระบบดังกล่าว” ทั้งนี้ เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนและสามารถควบคุมการเรี่ยไรได้ มากขึ้น เพื่อให้ง่ายต่อการควบคุมและกำกับดูแลรวมทั้งติดตามตัวบุคคลผู้ทำการเรี่ยไรได้อย่างมี ประสิทธิภาพ ประการที่ 4 บทกำหนดโทษ ของพระราชบัญญัติควบคุมการเรี่ยไร พุทธศักราช 2487 ทั้งสี่มาตรา มีเพียงโทษทางอาญา กล่าวคือ มีโทษปรับตั้งแต่ 200 บาท ถึง 1,000 บาท หรือจำคุก ตั้งแต่ 1 เดือน ถึง 1 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งโทษปรับที่ใช้บังคับอยู่นั้น เป็นรูปแบบของโทษปรับแบบ ตายตัว กล่าวคือ กำหนดอัตราค่าปรับเป็นเพดานชั้นต่ำสุดและสูงสุดเอาไว้ อันเป็นอำนาจของศาล ใน การใช้ดุลพินิจการพิจารณา การบัญญัติโทษปรับแบบตายตัว และโทษจำคุกสถานเบาตาม พระราชบัญญัติดังกล่าว ทำให้ผู้กระทำความผิดขาดความเกรงกลัวต่อบทกฎหมาย ไม่อาจป้องปราม การทำผิดของผู้กระทำผิดได้อย่างมีประสิทธิภาพเพียงพอ เนื่องจากการกระทำความผิดที่มีลักษณะ เป็นอาชญากรรมที่เกี่ยวกับทรัพย์สินที่ให้ประโยชน์สูงต่อผู้กระทำผิดและส่งผลกระทบต่อความสงบ เรียบร้อยของสังคม ดังนั้น เพื่อเป็นการรักษาเงินของผู้บริจาคให้ปลอดภัยและปกป้องผู้บริจาคจากการ แสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ เพื่อให้แน่ใจว่าการดำเนินการของผู้ขอรับบริจาคเป็นไปอย่างโปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ และเงินบริจาคจะไปถึงมือผู้รับผลประโยชน์ที่ถูกต้องอย่างแท้จริง ผู้วิจัยจึงเห็น ว่าควรมีการพัฒนาปรับปรุงตัวบทกฎหมาย กำหนดโทษของกฎหมายว่าด้วยการควบคุมการเรี่ยไรให้มี โทษสถานหนักขึ้น และกำหนดโทษปรับทางปกครอง ซึ่งสอดคล้องจากการเสนอให้มีการแก้ไขใน หัวข้อประการที่ 3 การควบคุมกำกับดูแลของภาครัฐ เมื่อมีการแก้ไขเพิ่มอำนาจหน้าที่ให้พนักงาน เจ้าหน้าที่พิจารณาทางปกครอง กำหนดเงื่อนไขทั้งก่อนและหลังการดำเนินการขอรับบริจาค พร้อมทั้ง กำหนดหลักเกณฑ์วิธีการจัดการเงินบริจาคและหน้าที่ของผู้ขออนุญาตในการแสดงรายรับรายจ่ายของ
Made with FlippingBook
RkJQdWJsaXNoZXIy Mzk3MzI3