2566-1 นางสาวมูณีเราะฮ์ เบ็ญโกบ-วิทยานิพนธ์
112 กำหนดเป้าหมาย และเพิ่มความเข้มงวดในการกำกับดูแลและการจัดการ เช่น กฎหมายขยะอาหาร แห่งสาธารณรั ฐประชาชนจีน “ Law of People’s Republic of China on Food Waste”โดย กฎหมายฉบับนี้มีความสำคัญในการกำหนดเชิงกลยุทธ์ เพื่อหยุดการเกิดขยะอาหาร โดยเอื้อต่อการ สร้างความมั่นคงทางอาหารของชาติ ซึ่งเป็นการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด พร้อมทั้งมีบทลงโทษ ชัดเจนสำหรับผู้ที่ไม่ปฏิบัติตาม หรือกฎหมายของสาธารณรัฐฝรั่งเศษเป็นประเทศที่ให้ความสำคัญกับ การบริจาคอาหารส่วนเกินและมีการห้ามซุปเปอร์มาเก็ตและร้านขายของชำ (ที่มีขนาดตั้งแต่ 400 ตารางเมตรขึ้นไป) ทิ้งอาหารที่กำลังจะหมดอายุ โดยต้องนำอาหารเหล่านั้นไปบริจาคให้ธนาคาร อาหารหรือองค์กรกุศล เป็นประเทศที่บังคับใช้กฎหมาย จำนวน 3 ฉบับ ในการลดปริมาณการสูญเสีย อาหารและขยะอาหารอย่างเป็นระบบ (1) กฎหมายว่าด้วยการจัดการอาหารส่วนเกินที่เกิดจากการค้า ปลีก เป็นอนุบัญญัติภายใต้ประมวลกฎหมายว่าด้วยสิ่งแวดล้อม (2) กฎหมายว่าด้วยการสร้างแรงจูงใจ ทางภาษี หรือ The General Tax Code มาตราที่ 238 เพื่อเพิ่มแรงจูงใจในการบริจาคอาหารการที่ (3) กฎหมายว่าด้วยความปลอดภัยทางสุขลักษณะของการบริจาคอาหารและสหรัฐอเมริกาก็มีการ ออกกฎหมายเพื่อจัดการกับปัญหาขยะอาหารโดยเฉพาะเช่นเดียวกัน คือ ในมลรัฐเวอร์มอนต์ คอน เนตทิกัต แมสซาซูเสตส์ และโรดไอแลนด์ ได้ออกระเบียบห้ามกำจัดขยะอาหารด้วยการฝังกลบ ห้าม ให้ผู้ประกอบการนำขยะอาหารมาทิ้งกำจัดด้วยการฝังกลบเกินกว่าปริมาณที่กำหนด และประเทศ สหรัฐอเมริกามีมาตรการเพื่อแก้ไขปัญหาขยะอาหารทั้งการออกกฎหมาย นโยบายจูงใจทั้งสิทธิ ประโยชน์ด้านภาษีจากการบริจาคอาหาร รวมถึงการลดหย่อนภาษีของรัฐบาลกลางอีกด้วย ซึ่ง สะท้อนให้เห็นว่ามาตรการจูงใจทางด้านภาษีมีประสิทธิผลต่อประชาชนในการบริจาคอาหารและผ็ที่ สามารถรับสิทธิทางภาษี ดังนั้นเมื่อเปรียบเทียบกฎหมายของประเทศไทยแล้วพบว่า ประเทศไทยไม่มี กฎหมายเกี่ยวกับการจัดการขยะโดยเฉพาะ มีเพียงกฎหมายที่เกี่ยวข้องในการบังคับใช้เท่านั้น ซึ่ง กระบวนการจัดการขยะอาหารของประเทศไทยนั้นยังเป็นการจัดการขยะมูลฝอยประเภทอื่น ๆ 2) การสร้างแรงจูงใจเพื่อเป็นการลดขยะอาหาร จากการศึกษากฎหมายต่างประเทศ ทั้ง 3 ฉบับแล้ว พบว่า สาธารณรัฐประชาชนจีนให้ความสำคัญกับปัญหาขยะอาหารเป็นอย่างมาก จึง มีการบังคับใช้นโยบายภาษีเพื่ออำนวยความสะดวกในการลดขยะอาหารเป็นการสร้างแรงจูงใจให้กับ ประชาชน ตามมาตรา 26 โดยที่รัฐต้องใช้นโยบายภาษีที่เอื้อต่อการป้องกันการเกิดขยะอาหาร และใน กรณีสาธารณรัฐฝรั่งเศษมีมาตรการทางกฎหมายว่าด้วยการสร้างแรงจูงใจทางภาษี เพื่อเพิ่มแรงจูงใจ ในการบริจาคอาหาร โดยกฎหมายดังกล่าวกำหนดให้ผู้ที่บริจาคอาหารสามารถขอคืนภาษีได้ร้อยละ 60 ของมูลค่าอาหารที่บริจาค แต่จะต้องไม่เกินร้อยละ 0.5 ของผลประกอบการต่อปี รวมถึง สหรัฐอเมริกามีการให้สิทธิประโยชน์ทางด้านภาษี มาตรการในการจูงใจให้มีการบริจาคอาหาร ผู้ที่ สามารถรับสิทธิทางภาษีได้แก่ ธุรกิจ เช่น ร้านอาหาร ร้านขนม ซุปเปอร์มาร์เก็ต ตลอดจน ธุรกิจ การเกษตร โดยจะสามารถลดหย่อนภาษีของรัฐบาลกลาง (federal tax) ตาม Section 170 (3) ตาม
Made with FlippingBook
RkJQdWJsaXNoZXIy Mzk3MzI3