2566-2 ฐิตา ตุกชูแสง-การค้นคว้าอิสระ
34 พุทธศักราช 2560 ซึ่งไม่มีการบัญญัติถึง ‘บังคับให้มี’ ตามกฎหมาย แต่ให้เป็น ‘สิทธิรวมกันจัดตั้ง’ ของ ประชาชนเท่านั้น โดยมาตรา 46 วรรคสอง กำหนดเพียงว่าประชาชนมีสิทธิรวมกันจัดตั้ง ‘องค์กรของ ผู้บริโภคเพื่อคุ้มครองและพิทักษ์สิทธิของผู้บริโภค’ ซึ่งมีความเป็นอิสระเพื่อให้เกิดพลังในการคุ้มครอง สิทธิของผู้บริโภค ส่วนหน้าที่ขององค์กรไม่ได้ระบุชัดเจน โดยให้ไปกำหนดวิธีการจัดตั้งอำนาจตัวแทน ของผู้บริโภคและงบประมาณจากรัฐ ไว้ในกฎหมายแทนจึงทำให้การจัดตั้งองค์กรอิสระเพื่อคุ้มครอง ผู้บริโภคนั้นเป็นเรื่องไกลตัวปวงชนชาวไทย (ILow, 2560) 2.5.2 กฎหมายแพ่งและพาณิชย์เกี่ยวกับการทำสัญญาซื้อขายผ่านแอพพลิเคชั่น (1) ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยซื้อขาย ประเทศไทยประกาศใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 3 ว่าด้วย ‘เอกเทศสัญญา’ ครั้งแรกในปี พ.ศ. 2467 ต่อมาได้รับการตรวจชำระและประกาศใช้ใหม่ในปี พ.ศ. 2471 โดยบทบัญญัติเรื่อง “ซื้อขาย” เป็นเอกเทศสัญญาประเภทหนึ่ง ใช้บังคับกับสัญญาซื้อขายสินค้า ทุกประเภท ซึ่งรวมทั้งการซื้อขายทางออนไลน์ โดยมีบทบัญญัติหลัก ๆ ดังต่อไปนี้ (จุมพิตา เรืองวิชา ธร, 2562) การใช้และการตีความประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์เป็นไปตาม บทบัญญัติใน มาตรา 4 โดยต้องคำนึงถึงหลักสุจริต ในมาตรา 5 และ 6 ซึ่งมีสถานะเป็นหลักกฎหมายทั่วไป ไม่ใช่หลัก ทั่วไป อันจะยกเว้นได้ “ซื้อขาย” เป็นเอกเทศ สัญญาประเภทหนึ่ง ซึ่งบัญญัติไว้ในบรรพ 3 ใช้บังคับ กับ สัญญาซื้อขายสินค้าทุกประเภท ทั้งในทางแพ่งและทางพาณิชย์ และไม่ว่าจะเป็นการซื้อขายสินค้าภายใน ประเทศ (Domestic Sales) หรือการซื้อขายสินค้าระหว่างประเทศ (International Sales) และความไม่ เหมาะสมของกฎหมายซื้อขายของประเทศไทยในปัจจุบัน ซึ่งคู่สัญญากำหนดให้ใช้กฎหมายไทย เป็น กฎหมายที่ใช้บังคับแก่สัญญา (Applicable Law) หรือกฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีบุคคล (Private International Law) ว่าด้วยการขัดกันของกฎหมาย (Conflict of Laws) ชี้ให้กฎหมายไทยเป็นกฎหมายที่ ใช้บังคับแก่สัญญา โดยมีบทบัญญัติหลักๆ ดังต่อไปนี้ 1) สัญญาซื้อขายไม่ต้องทำเป็นหนังสือ เว้นแต่ เป็นการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์และ ทรัพย์สินบางประเภท ตามมาตรา 456 วรรค1 ที่ต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงาน เจ้าหน้าที่ อย่างไรก็ตาม หากเป็นการซื้อขายสังหาริมทรัพย์ที่มีมูลค่าตั้งแต่ 20,000 บาท ขึ้นไป ต้องมี หลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อฝ่ายที่ต้องรับผิด หรือต้องมีการวางมัดจำ หรือต้องมีการชำระหนี้ บางส่วน จึงจะฟ้องร้องบังคับคดีกันได้(มาตรา 456 วรรค3) การโอนกรรมสิทธิ์เป็นสาระสำคัญของ สัญญาซื้อขายและเป็นหน้าที่ประการหนึ่งของผู้ขายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 453 ซึ่งบัญญัติว่า “อันว่าซื้อขายนั้น คือ สัญญา ซึ่งบุคคลฝ่ายหนึ่งเรียกว่าผู้ขายโอนกรรมสิทธิ์แห่งทรัพย์สิน
Made with FlippingBook
RkJQdWJsaXNoZXIy Mzk3MzI3