2566-2 นายธนิสร เกิดสม-การค้นคว้าอิสระ

47 10,000 บาท แต่กลับต้องซื้อข้าวกินทุกเดือน จนกระทั่งปี 2550 ได้ฟ้องกรมชลประทาน (ผู้ถูกฟ้อง คดี) ให้ชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้น ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยว่า เป็นการยื่นฟ้องภายในระยะเวลาหนึ่งปีเฉพาะการฟ้องเรียกร้อง ค่าสินไหมค่าทดแทนความเสียหายที่เกิดขึ้นในระหว่างวันที่ 5 กรกฎาคม 2549 ถึงวันที่ 5 กรกฎาคม 2550 อันเป็นวันที่ผู้ฟ้องคดียื่นฟ้องคดีนี้ (คดีนี้ศาลปกครองสูงได้วินิจฉัยเกี่ยวกับระยะเวลาการฟ้องคดี ละเมิด กรณีเกิดความเสียหายต่อเนื่องว่าการฟ้องเรียกค่าเสียหายจากการกระทำละเมิดของฝ่าย ปกครองจะต้องยื่นฟ้องภายในหนึ่งปีนับแต่วันที่รู้หรือควรรู้ถึงเหตุแห่งการฟ้องคดีแต่ไม่เกินสิบปีนับแต่ วันที่มีเหตุแห่งการฟ้องคดีตามมาตรา 9 วรรคหนึ่ง (3) ประกอบกับมาตรา 51 แห่งพระราชบัญญัติ จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 เมื่อผู้ฟ้องคดีได้รู้หรือควรรู้ถึงเหตุแห่งการ ฟ้องเรียกร้องให้ผู้ฟ้องคดีรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนสำหรับความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ตนจากการ ก่อสร้างฝายน้ำล้นห้วยผาลาดปี พ.ศ. 2526 ต่อเนื่องมาโดยตลอด จึงต้องฟ้องภายในหนึ่งปีนับแต่วันที่ รู้หรือควรรู้เหตุแห่งการฟ้องคดี ดังนั้น เมื่อผู้ได้รับความเดือดร้อน เสียหายอันเนื่องจากการใช้อำนาจของฝ่ายปกครองจึงต้อง ใช้สิทธิฟ้องศาลปกครองตามเวลาที่กฎหมายกำหนด) ทั้งนี้การสร้างฝายน้ำล้นเพื่อทดแทนลำห้วยลาด และกักเก็บน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้งเป็นการดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ของกรมชลประทานและข้อเท็จจริง รับฟังโดยปราศจากข้อสงสัยว่า ระดับน้ำที่กักเก็บในฝายน้ำล้นมีผลทำให้เกิดน้ำท่วมที่ดินของผู้ฟ้องคดี และการก่อสร้างฝายน้ำล้นปราศจากข้อสงสัยว่า ระดับน้ำที่กักเก็บในฝายน้ำล้นมีผลมีผลทำให้เกิดน้ำ ท่วมที่ดินของผู้ฟ้องคดีและการก่อสร้างฝายน้ำล้นปราศจากการสร้างระบบป้องกันมิให้น้ำในลำห้วยที่ อยู่เหนือฝายน้ำล้นเอ่อล้นตลิ่งไปท่วมที่ดินของผู้ฟ้องคดีและราษฎรอื่น มีผลทำให้ผู้ฟ้องคดีไม่สามารถ ทำนาได้เต็มพื้นที่ทั้งสองแปลงและมีราษฎรรายอื่นอีกแปดราย ได้รับความเสียหายเช่นเดียวกัน กรณีจึงเป็นการกระทำละเมิดอันเกิดจากการใช้อำนาจตามกฎหมาย ผู้ฟ้องคดีจึงควรได้รับการชดใช้ ค่าเสียหายจากการไม่ได้ทำนา ส่วนคำขอให้เปิดทางระบายน้ำไหลลงสู่แม่น้ำโขงเพื่อลดระดับการกัก เก็บน้ำในฝายน้ำล้นห้วยลาดนั้น เป็นการดำเนินการที่ผิดวัตถุประสงค์ของการก่อสร้างฝ่ายน้ำล้น อย่างไรก็ตาม หากการกักเก็บน้ำมีผลกระทบถึงผู้ฟ้องคดีหรือประชาชนรายอื่นที่ได้รับ ผลกระทบจากน้ำท่วมขังที่ดินจนไม่อาจใช้ประโยชน์โดยปกติแล้ว กรณีย่อมเป็นความจำเป็นที่จะต้อง พิจารณาไม่ให้ผู้ฟ้องคดีหรือประชาชนรายอื่น ซึ่งเป็นประชาชนส่วนน้อยได้รับผลกระทบจนเกิน สมควร เมื่อปรากฎว่าฝายน้ำล้นห้วยลาดไม่ได้กักเก็บน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้งและไม่มีชาวบ้านใช้น้ำจากฝาย ดังกล่าวในการเกษตร จึงต้องพิจารณาว่าการกักเก็บน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้งและไม่มีชาวบ้านใช้น้ำจากฝาย ดังกล่าวในการเกษตร จึงต้องพิจารณาว่าการกักเก็บน้ำดังกล่าวเกินความจำเป็นและได้มีการใช้

RkJQdWJsaXNoZXIy Mzk3MzI3