2566-2 นายภัทราวุธ ฉวีนิล-การค้นคว้าอิสระ

99 3) การยื่นขอทบทวนมติตามข้อ 1) ให้ผู้บังคับบัญชาดำเนินการยื่นพยานเอกสาร หลักฐานตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดในมาตรา 99 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย การป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 หรือหากเป็นการโต้แย้งพยานเอกสารหลักฐานเก่า ที่เกิดจากกระบวนการได้มาโดยมิชอบหรือเป็นพยานหลักฐานที่มิชอบก็สามารถดำเนินการพิจารณา ทบทวนมติได้ โดยให้ผู้บังคับบัญชาซึ่งมีอำนาจหน้าที่ตามมาตรา 57 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบ ข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551พิจารณาเรื่องดังกล่าวแล้วดำเนินการส่งเรื่องไปยังคณะกรรมการ ป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับเรื่องการขอพิจารณา ทบทวนมติของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ 4) คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติรับสำนวนการขอทบทวนมติ และมอบหมายให้กับคณะอนุของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติพิจารณา ดำเนินการ 5) คณะอนุของกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติพิจารณาพยาน เอกสารหลักฐานภายใน 60 วัน นับแต่วันที่ได้รับสำนวนจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปราม การทุจริตแห่งชาติ 6) คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติรับรายงานการพิจารณา ทบทวนจากคณะอนุคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ และจะต้องพิจารณา และมีมติภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับเรื่องจากอนุคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต แห่งชาติ 7) แจ้งผลการพิจารณาให้หน่วยงานราชการดำเนินการตามมาตรา 98 วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 จากผลการสัมภาษณ์เชิงลึกของผู้ให้ข้อมูลส่วนใหญ่ไม่ทราบวิธีการและกระบวนการ ทบทวนมติดังกล่าว เพราะเนื่องจากกระบวนการทบทวนเป็นการดำเนินการตามพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 เป็นกฎหมายของ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติโดยแท้ หน่วยงานราชการส่วนน้อยที่จะต้อง มาดำเนินการหรือมีความเกี่ยวข้องในการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติประกบรัฐธรรมนูญดังกล่าว ประกอบกับในกฎหมายดังกล่าวหรือบทบัญญัติของกฎหมายอื่นใดก็มิได้เปิดช่องหรือให้อำนาจกับ หน่วยงานราชการหรือผู้บังคับบัญชาในการที่จะสามารถแจ้งผลมติของคณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติให้ผู้ถูกชี้มูลความผิดได้ทราบ ทั้งรายงานสำนวนการไต่สวนดังกล่าว ก็ยังมีการตีตราเอกสารลับมาอีก จึงเป็นการต้องห้ามเปิดเผยหรือแจ้งมติดังกล่าวให้บุคคลอื่นใด