2566-2 นายภัทราวุธ ฉวีนิล-การค้นคว้าอิสระ

106 5.2.1 ประเด็นปัญหาเรื่องหลักเกณฑ์ในการพิจารณาทบทวนมติของคณะกรรมการ ป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ตามแนวทางของหนังสือคณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ที่ ปช 0026/ ว 0028 ลงวันที่ 20 ตุลาคม 2564 จากการศึกษาพบว่าคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ มีอำนาจหน้าที่ในการไต่สวนและวินิจฉัยชี้มูลความผิดเจ้าหน้าที่รัฐว่ากระทำความผิดวินัย ฐานทุจริต ต่อหน้าที่ราชการ หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ หรือความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ในการ ยุติธรรม หรือฐานความผิดที่เกี่ยวข้องกัน ซึ่ งหากคณะกรรมการป้องกันและปราบรามการทุจริต แห่งชาติได้มีมติและวินิจฉัยชี้มูลความผิดใน 4 ฐานข้างต้น และได้มีการส่งเรื่องมายังผู้บังคับบัญชา ผู้มีอำนาจสั่ งบรรจุและแต่งตั้งตามมาตรา 57 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 ผู้บังคับบัญชาดังกล่าวจะต้องดำเนินการตามนัยมาตรา 91 (2) ประกอบมาตรา 98 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 คือ ต้องพิจารณาสั่ งลงโทษข้าราชการรายดังกล่าวตามฐานความผิดที่ คณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติได้มีมติชี้มูล จากนั้นก็จะเป็นกระบวนการดำเนินการออกคำสั่ง ลงโทษทางวินัย และการดำเนินกระบวนการอุทธรณ์คำสั่ งลงโทษตามกระบวนการที่ ระเบียบ หรือกฎหมายของแต่ละส่วนราชการกำหนด ซึ่งหากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต แห่งชาติได้มีมติชี้มูลความผิดทางวินัยใน 4 ฐานความข้างต้น การลงโทษทางวินัยกับข้าราชการ จะต้องถือว่าเป็นการกระทำความผิดวินัยอย่างร้ายแรง โดยจะมีระดับโทษที่ร้ายแรงคือ ปลดออก จากราชการ หรือไล่ออกจากราชการ โดยเมื่อหน่วยงานต้นสังกัดของข้าราชการผู้ที่ถูกชี้มูลความผิด ทางวิ นั ยได้ รั บรายงานสำนวนพร้ อมมติ การชี้ มูลความผิ ดดั งกล่ าว ตามนั ยของมาตรา 99 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญสำนวนการไต่สวนดังกล่าว และพิจารณาพยานเอกสาร ของข้าราชการผู้ที่ถูกชี้มูลความผิดว่าเห็นพ้องตรงกันหรือไม่ว่า ผู้ใต้บังคับบัญชามิได้กระทำความผิด ซึ่ งหากผู้ บั งคับบัญชาพิจารณาแล้ วเห็นว่ า ข้ อกล่ าวหาหรื อมติของคณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติไม่ถูกต้องหรือไม่ตรงกับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น และพิจารณาพยาน เอกสารหลักฐานซึ่งเป็นพยานเอกสารหลักฐานใหม่ที่ไม่เคยปรากฏในรายงานการสำนวนการไต่สวน ก็ สามารถที่ จะดำ เนิ นการส่ ง เ อกสารหลั กฐานดั งกล่ าว เพื่ อขอให้ มี การทบทวนมติ ได้ และการดำเนิ นการส่ งเ รื่ องดั งกล่ าว ต้ องมีหนั งสื อพร้ อมเอกสารและพยานหลั กฐานส่ งถึง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติภายใน 30 วันนับแต่วันที่ ได้รับเรื่ อง โดยผู้วิจัยสามารถแยกประเด็นการอภิปรายผลได้ ดังนี้

RkJQdWJsaXNoZXIy Mzk3MzI3