2566-2 นายภัทราวุธ ฉวีนิล-การค้นคว้าอิสระ

114 สาระสำคัญข้อที่ 7 วรรคหนึ่ง เป็นการกำหนดอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ที่จะต้องดำเนินการแจ้งมติดังกล่าวให้กับผู้บังคับบัญชาผู้มีอำนาจ สั่งบรรจุและแต่งตั้งของเจ้าหน้าที่รัฐได้ทราบว่า มีการชี้มูลความผิดทางวินัยกับผู้ใต้บังคับบัญชา และอยู่ระหว่างการแจ้งสิทธิในการพิจารณาทบทวนมติ โดยข้อดังกล่าวนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อที่จะให้ หน่วยงานต้นสังกัดรวมถึงผู้บังคับบัญชาได้รับทราบถึงความเป็นอยู่ของเจ้าหน้าที่รัฐในระยะเวลา ระหว่างปฏิบัติหน้าที่ราชการ วรรคสอง เป็นการกำหนดว่า หากเจ้าหน้าที่รัฐมิได้ใช้สิทธิในการขอทบทวนมติดังกล่าว ภายในห้วงระยะเวลา 15 วันนั้น อันเป็นการบ่งบอกว่าเจ้าหน้าที่รัฐผู้ถูกชี้มูลความผิดทางวินัยมีการ รับสภาพความผิดหรือรับว่ากระทำพฤติการณ์ต่าง ๆ ตามการชี้มูลความผิด ก็ให้ผู้บังคับบัญชาของ เจ้าหน้าที่รัฐผู้ที่ถูกชี้มูลความผิดทางวินัยดำเนินการลงโทษทางวินัยตามระเบียบกฎหมายที่เกี่ยวข้อง สาระสำคัญข้อที่ 8 วรรคหนึ่ง เป็นการกำหนดอำนาจหน้าที่ผู้บังคับบัญชาของเจ้าหน้าที่รัฐ ในการพิจารณาพยานเอกสารหลักฐานใหม่ ตามที่เจ้าหน้าที่รัฐผู้ถูกชี้มูลความผิดทางวินัยได้ยื่นเพื่อขอ ทบทวนมติโดยการพิจารณาดังกล่าว ผู้บังคับบัญชาจะต้องพิจารณาจากพยานเอกสารหลักฐานใหม่ เหตุผลต่าง ๆ ตามที่เจ้าหน้าที่รัฐได้ยื่นมาเพื่อพิจารณา โดยหากผู้บังคับบัญชาพิจารณาแล้วเห็นว่า พยานเอกสารหลักฐานใหม่ หรือเหตุผลต่าง ๆ เพียงพอในการโต้แย้งเพื่อที่จะกลับมติได้ ก็จะต้อง ดำเนินการส่งเรื่องดังกล่าวไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติภายใน 30 วันนับแต่วันที่ ที่ได้รับเรื่องการขอทบทวนมติจากเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งระยะเวลาในการส่งเรื่องดังกล่าว เป็นระยะเวลาที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปราม การทุจริต พ.ศ. 2561 ที่กำหนดให้หากผู้บังคับบัญชาพิจารณาพยานเอกสารหลักฐานแล้วเห็นว่า ควรยื่นทบทวนมติก็ให้ดำเนินการส่งเรื่องภายในห้วงระยะเวลาดังกล่าวตามข้างต้น ผู้วิจัยเห็นว่า ระยะเวลาดังกล่าวเป็นระยะเวลาในการส่งเรื่องเช่นเดียวกัน จึงนำมากำหนดเป็นระยะเวลาในการ พิจารณาส่งเรื่องของผู้บังคับบัญชา วรรคสอง เป็นเรื่องของการกำหนดสิทธิอันพึงมี โดยได้กำหนดหลักประกันความเป็นธรรม และหลักการคุ้มครองความบริสุทธิ์ของตัวเจ้าหน้าที่รัฐเพื่อมิให้ถูกกระทบสิทธิ อันเป็นการย้ำถึงการ มุ่งคุ้มครองรักษาสิทธิของเจ้าหน้าที่รัฐผู้ที่ถูกชี้มูลความผิดทางวินัย ในระหว่างการพิจารณาทบทวนมติ ตั้งแต่ในขณะชั้นการพิจารณาของผู้บังคับบัญชา มติการชี้มูลความผิดทางวินัยจากคณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติจะยังไม่ส่งผลกระทบใด ๆ ต่อตัวเจ้าหน้าที่รัฐจนกว่าจะมีคำสั่ง ทางปกครองเกิดขึ้น

RkJQdWJsaXNoZXIy Mzk3MzI3