2566-3 -ดาวนภา พิทักษ์ - วิทยานิพนธ์

42 เกี่ยวกับเพศหรือใช้ความรุนแรง พ.ศ.2565 เพื่อสร้างความปลอดภัยให้สังคมแก้ไขปัญหาและ ลดอัตราการกระทำความผิดซ้ำ 2.9 กฎหมายระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับการติดตามผู้กระทำความผิดหลังพ้นโทษ องค์การสหประชาชาติ วัตถุประสงค์เพื่อรักษาสันติสุขและความมั่นคง ป้องกันและขจัดปัญหาซึ่ง เป็นสาเหตุแห่งการคุกคามชีวิต สร้างสัมพันธภาพอันดีงามระหว่างชาติต่าง ๆ มีความเคารพสิทธิและ ความเสมอภาคตลอดจนอิสรภาพ องค์การสหประชาชาติ ได้มีการตระหนักถึงปัญหายาเสพติด ซึ่งจำเป็นต้องสร้างความร่วมมือของประเทศภาคเข้ามาเพื่อขจัดและป้องกันถึงปัญหายาเสพติด อันจะเป็นผลกระทบต่อประเทศชาติ 1.อนุสัญญาเดี่ยวว่าด้วยยาเสพติดให้โทษ ค.ศ. 1961 (Single Convention on Narcotic Drugs, 1961) มีผลบังคับใช้เมื่อ 13 ธันวาคม 1964 มีประเทศต่าง ๆ เข้าเป็นภาคีแล้ว 154 ประเทศ อนุสัญญาฉบับนี้ได้มีการแก้ไขเพิ่มเติม โดยพิธีสารฯ ค.ศ. 1972 (Protocol Amending the Single Convention of Narcotic Drugs, 1972) มีผลบังกับใช้เมื่อ 8 สิงหาคม 1975 มีประเทศต่าง ๆ เข้าเป็น ภาคีแล้ว 125 ประเทศ อนุสัญญาเดี่ยวว่าด้วยยาเสพติดให้โทษ ค.ศ. 1961 เป็นสนธิสัญญา ระหว่างประเทศที่มุ่งควบคุมการผลิต การค้า การครอบครอง และการใช้ยาเสพติด เพื่อป้องกันมิให้ บุคคลทั่วไปตกอยู่ในภาวะเสพติด อนุสัญญาฉบับนี้มีการแบ่งยาเสพติดออกเป็น 4 ประเภท ตามระดับ อันตรายและศักยภาพในการเสพติด ประเภท I: ยาที่มีอันตรายร้ายแรง ศักยภาพในการเสพติดสูง ห้ามผลิต จำหน่าย และ ครอบครอง ยกเว้นสำหรับการวิจัยทางวิทยาศาสตร์หรือการแพทย์ (เช่น เฮโรอีน โคคาอีน ฝิ่น) ประเภท II: ยาที่มีอันตรายร้ายแรง ศักยภาพในการเสพติดปานกลาง ควบคุมการผลิต จำหน่าย และครอบครอง (เช่น มอร์ฟีน โคเดอีน แอมเฟตามีน) ประเภท III: ยาที่มีอันตรายปานกลาง ศักยภาพในการเสพติดปานกลาง ควบคุมการผลิต จำหน่าย และครอบครอง (เช่น บาร์บิทูเรต เบนโซไดอะซีปีน) ประเภท IV: ยาที่มีอันตรายน้อย ศักยภาพในการเสพติดต่ำ ควบคุมการผลิต จำหน่าย (เช่น ยาสลบ ยารักษาโรคบางชนิด) อนุสัญญาฉบับดังกล่าวนี้กำหนดให้ประเทศภาคีต้องร่วมมือกันแลกเปลี่ยนข้อมูล ดำเนินการ สืบสวนสอบสวน และส่งผู้ร้ายข้ามแดน ผลของอนุสัญญา เป็นกรอบความร่วมมือระหว่างประเทศ ที่สำคัญในการควบคุมยาเสพติด ช่วยลดการผลิต การค้า การครอบครอง และการใช้ยาเสพติดทั่วโลก

RkJQdWJsaXNoZXIy Mzk3MzI3