2566-3 -รัชวุฒิ ช่อดอก- การค้นคว้าอิสระ

162 สืบพยานที่เป็นเด็กอายุไม่เกินสิบแปดปี ให้ศาลจัดให้พยานอยู่ในสถานที่ที่เหมาะสมสาหรับเด็ก และ ศาลอาจปฏิบัติอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้ (1) ศาลเป็นผู้ถามพยานเอง โดยแจ้งให้พยานนั้นทราบประเด็นและข้อเท็จจริงซึ่งต้องการสืบ แล้วให้พยานเบิกความในข้อนั้น ๆ หรือ ศาลจะถามผ่านนักจิตวิทยาหรือนักสังคมสงเคราะห์ก็ได้ (2) ให้คู่ความถาม ถามค้าน หรือถามติงผ่านนักจิตวิทยาหรือนักสังคมสงเคราะห์ ในการเบิกความของพยานดังกล่าวตามวรรคหนึ่ง ให้มีการถ่ายทอดภาพและเสียงไปยังห้อง พิจารณาด้วย และเป็นหน้าที่ของศาลที่จะต้องแจ้งให้นักจิตวิทยาหรือนักสังคมสงเคราะห์ทราบ ก่อนการสืบพยานตามวรรคหนึ่ง ถ้าศาลเห็นสมควรหรือถ้าพยานที่เป็นเด็กอายุไม่เกินสิบแปด ปีหรือคู่ความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งร้องขอโดยมีเหตุผลอันสมควรซึ่งเมื่อพิจารณาแล้วเห็นว่าจะเป็นผลร้าย แก่เด็กถ้าไม่อนุญาตตามที่ร้องขอ ให้ศาลจัดให้มีการถ่ายทอดภาพและเสียงคาให้การของผู้เสียหาย หรือพยานที่เป็นเด็กอายุไม่เกินสิบแปดปีที่ได้บันทึกไว้ในชั้นสอบสวนตามมาตรา 133 ทวิ หรือชั้นไต่ สวนมูลฟ้องตามมาตรา 171 วรรคสอง ต่อหน้าคู่ความและในกรณีเช่นนี้ให้ถือสื่อ ภาพและเสียง คาให้การของพยานดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของคาเบิกความของพยานนั้นในชั้นพิจารณาของศาล โดยให้ คู่ความถามพยานเพิ่มเติม ถามค้านหรือถามติงพยานได้ ทั้งนี้ เท่าที่จาเป็นและภายในขอบเขตที่ศาล เห็นสมควร ในกรณีที่ไม่ได้ตัวพยานมาเบิกความตามวรรคหนึ่งเพราะมีเหตุจาเป็นอย่างยิ่งให้ศาลรับฟังสื่อ ภาพและเสียงคาให้การของพยานในชั้นสอบสวนตามมาตรา 133 ทวิ หรือชั้นไต่สวนมูลฟ้องตาม มาตรา 171 วรรคสอง เสมือนเป็นคาเบิกความของพยานนั้นในชั้นพิจารณาของศาล และให้ศาลรับฟัง ประกอบพยานอื่นในการพิจารณาพิพากษาคดีได้ พิจารณามาตรา 172 ตรี ประกอบกับมาตรา 107 และ 108 พระราชบัญญัติศาลเยาวชนและ ครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. 2553 จะเห็นได้ว่า การสืบพยานคดีอาญาที่ เด็กหรือเยาวชนเป็นจาเลยจะต้องกระทาในห้องที่มิใช่ห้องพิจารณาคดีธรรมดาและต้องกระทาเป็น การลับ และถ้าศาลเห็นสมควรที่จะต้องพูดคุยกับจาเลยเป็นการเฉพาะ ศาลมีอานาจสั่งให้บุคคล ทั้งหมดหรือบุคคลที่ศาลเห็นว่าไม่ควรอยู่ในห้องพิจารณาคดีออกไปนอกห้องพิจารณาได้ และไม่ได้มี กฎหมายบัญญัติให้ใช้กับกรณีที่จาเลยอ้างตนเองเป็นพยาน และต้องการที่จะให้ศาลจัดให้อยู่ ใน สถานที่เหมาะสม ประกอบกับการนาหลักค้นหาความจริงในคดีอาญา หลักพยานโดยตรง และหลัก ประโยชน์สูงสุดของเด็กมาพิจารณาจะเห็นได้ว่า หลักการตามมาตรา 172 ตรี และหลักการตาม มาตรา 107 และ 108 พระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและ ครอบครัว พ.ศ. 2553 ขัดกับหลักที่กล่าวมาในข้างต้น เนื่องจาก กรณีที่พยานที่เป็นเด็กอายุไม่เกินสิบ แปดปีร้องขอ ให้ศาลจัดให้มีการถ่ายทอดภาพและเสียงคาให้การของผู้เสียหายหรือพยานที่เป็นเด็กที่ ได้บันทึกไว้ในชั้นสอบสวนหรือชั้นไต่สวนมูลฟ้อง และให้ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของคาเบิกความที่สามารถ

RkJQdWJsaXNoZXIy Mzk3MzI3