2566-3 -รัชวุฒิ ช่อดอก- การค้นคว้าอิสระ

40 บัญญัติ โดยจะต้องคานึงถึงผลประโยชน์สูงสุดของเด็กเป็นลาดับแรก"ผลประโยชน์สูงสุดของเด็กถือ เป็นอันดับแรก" เป็นหลักการสาคัญที่ควรจะเป็นแนวทางในการตัดสินใจทั้งหมดเกี่ยวกับสวัสดิภาพ เด็ก แนวทางนี้เน้นย ้าถึงความสาคัญของการให้ความสาคัญกับความต้องการของเด็กและความเป็นอยู่ ที่ดีเหนือสิ่งอื่นใด โดยคานึงถึงปัจจัยต่างๆ เช่น บุคลิกภาพและสถานการณ์ของเด็กแต่ละคน แนวทาง นี้ไม่ได้เกี่ยวกับการเห็นชอบฝ่ายหนึ่งมากกว่าอีกฝ่ายหนึ่ง แต่เป็นการหาสมดุลเพื่อให้แน่ใจว่าสิทธิของ เด็กได้รับการคุ้มครองในสถานการณ์ใดก็ตาม เป็นแนวทางที่ยืดหยุ่นซึ่งสามารถนาไปใช้ในสถานการณ์ ต่างๆ ที่อาจเกิดความขัดแย้ง เพื่อให้มั่นใจว่าผลประโยชน์สูงสุดของเด็กยังคงมีความสาคัญสูงสุด ตามที่ระบุไว้ในมาตรา 3.1 ของอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก สถาบันและองค์กรต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับชีวิต เด็กจะต้องยึดถือหลักการนี้ หลักการนี้จึงถือเป็นประเด็นพื้นฐานของนโยบายสวัสดิการเด็ก ด้วยการ ให้ความสาคัญกับผลประโยชน์สูงสุดของเด็ก เราสามารถสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและเลี้ยงดูได้ มากขึ้นสาหรับคนรุ่นอนาคต จากแนวทางการพิจารณาหลักประโยชน์สูงสุดของเด็กที่กล่าวมาข้างต้นจะเห็นได้ว่า แนวทางแรกที่พิจารณาว่าประโยชน์สูงสุดของเด็กเป็นสิ่งที่สาคัญที่สุดเพียงสิ่งเดียวนั้นมีลักษณะการ ตีความที่แคบเป็นผลทาให้ไม่สามารถที่จะคุ้มครองสิทธิของเด็กได้ทุกกรณี และอาจทาให้เกิดช่องว่างที่ คู่กรณีจะสามารถยกเรื่องการเลือกปฏิบัติมาเป็นข้อเรียกร้องให้พิจารณาคดีในฐานะที่เท่าเทียมกันได้ เนื่องจากแนวทางดังกล่าวคานึงถึงแต่ความสาคัญในการให้ความคุ้มครองสิทธิแก่ตัวเด็ก จนในบาง กรณีไม่คานึงถึงผู้เสียหายว่าจะเกิดผลกระทบอย่างไร หรือจะได้รับการเยียวยาความเสียหายหรือไม่ ในขณะที่แนวทางที่สองที่พิจารณาว่าหลักประโยชน์สูงสุดของเด็กเป็นสิ่งที่ต้องคานึงถึงเป็นลาดับแรก มีลักษณะที่ยืดหยุ่นและปรับใช้ได้ครอบคลุมกว่า ด้วยเหตุนี้คณะกรรมการยกร่างอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิ เด็ก ค.ศ.1989 จึงเห็นชอบที่จะให้มีการบัญญัติถึงหลักประโยชน์สูงสุดของเด็กเป็นสิ่งที่ต้องคานึงถึง เป็นลาดับแรกไว้ในอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กข้อ 3.1 เพื่อเป็นแนวทางในการดาเ นินการเกี่ยวกับเด็ก ต่อไปเมื่อพิจารณาหลักการเพื่อประโยชน์สูงสุดของเด็ก ต้องใช้แนวทางที่ครอบคลุมซึ่งไม่เพียงแต่ ปกป้องสิทธิเด็กเท่านั้น แต่ยังคานึงถึงผลกระทบต่อทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องด้วย แนวทางแรกซึ่งมุ่งเน้นไปที่ ผลประโยชน์สูงสุดของเด็กเพียงอย่างเดียว อาจขาดการรับรองความยุติธรรมและความยุติธรรม สาหรับทุกคน การตีความที่แคบนี้อาจปล่อยให้เกิดปัญหาการเลือกปฏิบัติ เนื่องจากอาจไม่รับประกัน การปฏิบัติที่ เท่าเทียมกันเสมอไป ในทางกลับกัน แนวทางที่สองซึ่ งจัดลาดับความสาคัญของ ผลประโยชน์สูงสุดของเด็กในขณะเดียวกันก็คานึงถึงบริบทที่กว้างขึ้นนั้น มีความยืดหยุ่นและใช้งานได้ จริงมากกว่า แนวทางนี้ดังที่ระบุไว้ในอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก พ.ศ. 2532 ถือเป็นกรอบการทางานที่ มั่นคงสาหรับการตัดสินใจโดยคานึงถึงความเป็นอยู่ที่ดีของเด็กทุกด้าน ด้วยการรักษาหลักการนี้ไว้เป็น แนวหน้า เราสามารถรับประกันได้ว่าเด็ก ๆ ได้รับการคุ้มครอง สิทธิของพวกเขาได้รับการเคารพ และ ความยุติธรรมจะได้รับความยุติธรรมสาหรับทุกคน

RkJQdWJsaXNoZXIy Mzk3MzI3