2566-3 -รัชวุฒิ ช่อดอก- การค้นคว้าอิสระ

68 หลักที่ได้กล่าวมานี้ในข้างต้นนั้นเป็นหลักทางสากลที่กฎหมายวิธีพิจารณาความ อาญาของแต่ละประเทศได้ยอมรับและนาไปใช้ และในประมวลวิธีพิจารณาความอาญาของไทยก็มี การนาหลักดังกล่าวมาใช้เช่นกันหลักประโยชน์ของข้อสงสัยนี้เป็นหลักการสากลและเป็นหลักการ เฉพาะในคดีอาญา ซึ่งหมายความว่า ในกรณีที่มีข้อสงสัยตามสมควรในข้อเท็จจริงของคดี ในกรณีนั้น จะต้องยกผลประโยชน์ที่สงสัยให้แก่ผู้ต้องหาหรือจาเลย ความสงสัยที่ต้องให้แก่ผู้ต้องหาหรือจาเลย ต้องเป็นประเด็นที่น่าสงสัยเท่านั้นและต้องเป็นข้อสงสัยที่มีเหตุอันควรสงสัย หลักการที่มุ่งปกป้องผู้ บริสุทธิ์ในกฎหมายเป็นรากฐานสาคัญของความยุติธรรมที่ทาให้เกิดความเป็นธรรมและ ความซื่อสัตย์ สุจริตในระบบกฎหมาย มีพื้นฐานมาจากแนวคิดที่ว่าบุคคลใดก็ตามที่ถูกกล่าวหาว่าก่ออาชญากรรม จะต้องได้รับการพิสูจน์ว่ามีความผิดโดยปราศจากข้อสงสัยอันสมเหตุสมผลก่อนจะถูกลงโทษ หลักการ นี้บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 227 ซึ่งกาหนดไว้ว่าหากมีข้อสงสัยใน ความผิดของจาเลย จะต้องยกฟ้อง แทนที่จะเสี่ยงต่อการลงโทษผู้บริสุทธิ์ แม้ว่าอาจมีข้อพิพาท เกี่ยวกับข้อเท็จจริงบางประการหรือทางเทคนิคทางกฎหมาย แต่เป้าหมายโดยรวมคือเพื่อป้องกันการ พิพากษาลงโทษโดยมิชอบและรักษาสิทธิของผู้ถูกกล่าวหา หลักการนี้ไม่เพียงแต่เป็นพื้นฐานของ ระบบกฎหมายไทยเท่านั้น แต่ยังเป็นมาตรฐานสากลที่ประเทศต่างๆ ทั่วโลกยอมรับอีกด้วยหลักการที่ กล่าวมาข้างต้นไม่เพียงแต่เป็นสากลเท่านั้น แต่ยังจาเป็นต่อการรับรองระบบที่ยุติธรรมและยุติธรรม อีกด้วย ในประเทศไทย หลักการเหล่านี้บรรจุอยู่ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาเพื่อ ปกป้องผู้บริสุทธิ์และรักษาความสมบูรณ์ของกฎหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งประโยชน์ของหลักการตั้งข้อ สงสัยมีบทบาทสาคัญในคดีอาญาโดยทาให้มั่นใจว่าข้อสงสัยเกี่ยวกับข้อเท็จจริงของคดีได้รับการแก้ไข ไปในทางที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ถูกกล่าวหา หลักการนี้ซึ่งสะท้อนให้เห็นในมาตรา 227 ของประมวล กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ทาหน้าที่เป็นเครื่องป้องกันการพิพากษาลงโทษโดยมิชอบ และเน้น ย ้าถึงความสาคัญของการพิสูจน์ความผิดโดยปราศจากข้อสงสัยอันสมเหตุสมผล โดยการปฏิบัติตาม หลักการเหล่านี้ ระบบกฎหมายในประเทศไทยและประเทศอื่นๆ ทั่วโลก สามารถรักษาความยุติธรรม และรักษาสิทธิของผู้ถูกกล่าวหาได้(ธัญธิดา รัตนวิเชียร, 2560) 2.3.7 การดาเนินคดีอาญาในศาลเยาวชนและครอบครัว ในส่วนของการดาเนินคดีอาญาในศาลเยาวชนและครอบครัวนั้น จะต้องทาความเข้าใจ ในความหมายของเด็กและเยาวชนก่อน โดยเด็ก มีความหมายว่า บุคคลซึ่งมีอายุเกินกว่าอายุที่กาหนด ไว้ตามมาตรา 73 แห่งประมวลกฎหมายอาญาแต่ยังไม่เกิน 15 ปีบริบูรณ์ และ เยาวชน มีความหมาย ว่า บุคคลอายุเกินสิบห้าปีบริบูรณ์แต่ยังไม่ถึงสิบแปดปีบริบูรณ์เมื่อพูดถึงการดาเนินคดีอาญาในศาล เยาวชนและครอบครัว จาเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเข้าใจความหมายของเด็กและเยาวชนก่อน เด็ก หมายถึง บุคคลที่มีอายุเกินอายุที่ระบุไว้ในมาตรา 73 แห่งประมวลกฎหมายอาญา แต่ยังไม่เกิน 15 ปี ในทางกลับกัน เยาวชนหมายถึงผู้ที่มีอายุเกินสิบห้าปีแต่ยังไม่ถึงสิบแปดปี สิ่งสาคัญคือต้องตระหนักถึง

RkJQdWJsaXNoZXIy Mzk3MzI3