2566-3 -รัชวุฒิ ช่อดอก- การค้นคว้าอิสระ

77 คดี และการพิจารณาคดี ทุกขั้นตอนจะต้องดาเนินการอย่างรวดเร็วและมีหลักฐานที่หนักแน่น เพื่อให้ แน่ใจว่าผู้ต้องสงสัยจะได้รับการปล่อยตัวอย่างรวดเร็วหากบริสุทธิ์ ขณะเดียวกันก็รับประกันได้ว่าผู้ถูก กล่าวหาจะถูกดาเนินคดีโดยมีหลักฐานที่ชัดเจน ด้วยการทาตามขั้นตอนเหล่านี้อย่างขยันขันแข็ง กระบวนการยุติธรรมจึงสามารถบรรลุผลได้อย่างมีประสิทธิภาพเน้นย ้าถึงความสาคัญของการบังคับ ใช้กฎหมายที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ทฤษฎีกระบวนการนิติธรรม (Due Process) การบังคับใช้กฎหมายตามทฤษฎีกระบวนการนิติธรรมยึดกฎหมายเป็นหลักในการ บังคับใช้กฎหมายจะต้องมีความเป็นธรรมตามขั้นตอนต่าง ๆ ในกระบวนการยุติธรรม โดยจะมี อุปสรรคขัดขวางมิให้ผู้ต้องหาถูกส่งผ่าน ไปตามขั้นตอนต่าง ๆ ในกระบวนการยุติธรรมอย่างสะดวก ทฤษฎีนี้ ไม่ เห็นพ้องด้วยกับการแสวงหา ข้อเท็จจริ งอย่างไม่ เป็นทางการของทฤษฎีควบ คุม อาชญากรรมของหน่วยงานที่มีหน้าที่ในการบังคับใช้ กฎหมายขั้นต้น และเห็นว่าต้องจัดให้มีการ พิจารณาคดีหรือไต่สวนข้อกล่าวหาของผู้ต้องหาอย่างเป็น อย่างเป็นทางการก่อนการดาเนินการนั้น ต้องกระทาโดยเปิดเผยในศาลสถิตยุติธรรม ทฤษฎีนี้จึงถือว่าบุคคลจะไม่ถูกกล่าวหาว่ากระทาความผิด เพียงเพราะมีพยานหลักฐานว่าเขาได้กระทาผิดเท่านั้น แต่จะมีความผิดก็ต่อเมื่อผู้มีอานาจตาม กฎหมายพิจารณาพิพากษาชี้ขาดแล้วว่ามีการกระทาความผิดจริง นอกจากนั้นผู้มีอานาจพิจารณา พิพากษาจะต้องปฏิบัติตามตัวบทกฎหมายต่าง ๆ ที่ให้ความคุ้มครองสิทธิของเขาอย่างครบถ้วนแล้ว และทฤษฎีนี้ยอมรับว่ามีแต่องค์คณะผู้พิพากษาที่เป็นกลางและไม่ลาเอียงเท่านั้นที่จะเชื่อถือได้ สาหรับการพิจารณาคดีให้เป็นไปตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายนั้น ศาลอีกเช่นกันที่จะคอยทบทวน วิธีการที่หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายขั้นต้นสืบเสาะมาเองว่าได้มาโดยไม่เป็นธรรมหรือไม่ ซึ่งศาลจะ แสดงถึงข้อผิดพลาดเหล่านี้ให้แก่ประชาชนได้รับทราบการบังคับใช้กฎหมายตามทฤษฎีกระบวนการ ทางกฎหมายมีพื้นฐานอยู่บนหลักการที่ว่ากฎหมายต้องเป็นแกนนาหลัก โดยเน้นย ้าถึงความสาคัญของ ความเป็นธรรมในทุกขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรม เพื่อไม่ให้อุปสรรคขัดขวางผู้ถูกกล่าวหาไม่ให้ ได้รับการพิจารณาคดีอย่างยุติธรรม ทฤษฎีนี้ปฏิเสธแนวคิดเรื่องแนวทางการควบคุมอาชญากรรมใน เอกสารข้อเท็จจริงอย่างไม่เป็นทางการ แทนที่จะสนับสนุนให้มีการสอบสวนและการพิจารณาคดีอย่าง เป็นทางการที่ดาเนินการอย่างเปิดเผยในศาลยุติธรรม โดยยืนยันว่าบุคคลควรถูกกล่าวหาว่าก่อ อาชญากรรมก็ต่อเมื่อได้รับการพิจารณาอย่างเป็นทางการจากหน่วยงานทางกฎหมายว่ามีการกระทา ผิดเกิดขึ้น ทฤษฎีนี้ยังเน้นย ้าถึงความสาคัญของการปกป้องสิทธิของบุคคลและการมอบความไว้วางใจ ให้กับผู้พิพากษาที่เป็นกลาง ด้วยการให้หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายมีความรับผิดชอบและรับรองความ โปร่งใสในวิธีการของพวกเขา ทฤษฎีนี้จึงสนับสนุนความสมบูรณ์ของระบบยุติธรรม(ประธาน วัฒนวาณิชย์, 2524) ตามที่ได้มีการกล่าวมาแล้วในข้างต้นจะเห็นได้ว่าแนวทฤษฎีทั้งสอง มีวิธีปฏิบัติ (Procedures) ในการบังคับใช้กฎหมายที่แตกต่างกัน กล่าวคือ ในทฤษฎีแรกนั้นจะเน้นความมี

RkJQdWJsaXNoZXIy Mzk3MzI3