2566-3-ปวริศา เอียดทิม-วิทยานิพนธ์
18 สาธารณสุขจะต้องไม่กระทำหรือไม่อนุญาตให้มีการกระทำใดๆ ซึ่งอาจส่งผลร้ายต่อสุขภาพของ ผู้ต้องขัง ผู้ต้องขังทุกคนจะต้องได้รับการอำนวยความสะดวกในการตอบสนองความต้องการตาม ธรรมชาติในลักษณะที่สะอาดและเหมาะสม และให้ผู้ต้องขังสามารถดูแลรักษาความสะอาดของ ตนเองได้อย่างดีและเพียงพอ ผู้ต้องขังทุกคนจะต้องมีเวลาออกกำลังกายกลางแจ้งอย่างน้อยวันละ 1 ชั่วโมง หากสภาพอากาศดี (สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ, 2550) 2.3.2.2 การบำบัดรักษาในระยะฟื้นฟูสมรรถภาพ โรงพยาบาลธัญญาลักษณ์ ให้บริการ ฟื้นฟูสมรรถภาพแก่ผู้ติดยาและสารเสพติดทุกชนิดที่ไม่มีภาวะฉุกเฉินทางกายและทางจิต ไม่มีอาการ ถอนพิษยา ทั้งรูปแบบสมัครใจและบังคับบำบัด ควบคุมตัวแบบไม่เข้มงวด เฉพาะเพศชาย ตลอด 24 ชั่วโมง โดยใช้รูปแบบการบำบัดฟื้นฟูสมรรถภาพเข้มข้นทางสายใหม่ (FAST Model) สอดคล้องกับวิถี ชุมชน เพื่อให้ผู้รับบริการพึงพอใจและเกิดการปรับเปลี่ยนความคิดและพฤติกรรมจนนำไปสู่การมี พฤติกรรมที่พึงประสงค์ และสามารถกลับไปใช้ชีวิตในสังคมได้ (โรงพยาบาลธัญญารักษ์ขอนแก่น, 2566) 2.3.2.3 การใช้เรือนจำให้ดีที่สุด (Making the Best Use of Prisons) จุดมุ่งหมายหลัก ของผู้มีหน้าที่ดูแลเรือนจำที่มีต่อผู้ต้องขัง คือการส่งเสริมให้พวกเขาเกิดการปรับปรุงตัวเองและเป็น การฟื้นฟูให้สังคม จุดมุ่งหมายของแนวนโยบายเรือนจำจึงควรเป็นการช่วยผู้ต้องขังให้กลับตัวเป็นผู้ ปฏิบัติตามกฎหมาย และทำมาหาเลี้ยงชีพได้หลังจากได้รับการปล่อยตัวแล้ว ผู้ต้องขังที่ถูกตัดสิน ลงโทษแล้วทุกคนที่แข็งแรงดีจะต้องทำงานเท่าที่จะทำได้ งานดังกล่าวนี้ควรทำให้พวกเขาได้รับทักษะ ซึ่งจะช่วยให้พวกเขามีรายได้จากการประกอบสัมมาชีพหลังจากได้รับการปล่อยตัวให้นำกฎหมายเรื่อง สุขอนามัยและความปลอดภัยในการทำงานมาใช้ในเรือนจำด้วย ในลักษณะเดียวกับที่ใช้บังคับใน ชุมชนทั่วไปต้องมีการจัดฝึกอาชีพโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ต้องขังที่เป็นเยาวชน ผู้ต้องขังควรได้รับค่าตอบแทนตามผลงานที่ทำ ผู้ต้องขังควรได้รับอนุญาตให้ใช้ เงินรายได้ส่วนหนึ่ง และส่งอีกส่วนให้ครอบครัวและเก็บออมไว้อีกส่วนหนึ่ง ต้องจัดกิจกรรมและ ส่งเสริมกิจกรรมด้านการศึกษาและวัฒนธรรม รวมทั้งส่งเสริมการใช้ห้องสมุดอย่างเพียงพอ การศึกษา ในเรือนจำควรมุ่งหมายไปที่การพัฒนาให้เป็นคนที่สมบูรณ์พร้อมโดยต้องคำนึงถึงภูมิหลังทางสังคม เศรษฐกิจและวัฒนธรรมของผู้ต้องขัง ต้องจัดการศึกษาภาคบังคับให้กับผู้ต้องขังวัยหนุ่ม และผู้ต้องขัง ที่ไม่รู้หนังสือ ผู้บริหารเรือนจำควรกำหนดให้เรื่องนี้มีลำดับความสำคัญสูง ชุมชนภายนอกควรเข้ามามี ส่วนร่วมในกิจกรรมการศึกษาและวัฒนธรรมในเรือนจำให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ผู้ต้องขังทุกคนมีสิทธิในการนับถือศาสนาของตน และสามารถพบกับนักบวชใน ศาสนานั้น ผู้ต้องขังจะต้องได้รับอนุญาตให้พบกับตัวแทนที่ทรงคุณวุฒิจากทุกศาสนานับจากที่เริ่มนำ ตัวผู้ต้องขังมารับโทษ จะต้องพิจารณาถึงอนาคตของพวกเขาหลังจากปล่อยตัว และผู้ต้องขังจะต้อง ได้รับความช่วยเหลือเพื่อรับรองว่าจะสามารถกลับคืนสู่สังคมได้ต่อไปในอนาคต ทุกหน่วยงานและทุก
Made with FlippingBook
RkJQdWJsaXNoZXIy Mzk3MzI3