2566-3-ปวริศา เอียดทิม-วิทยานิพนธ์
46 กำหนดไว้อยู่ใน มาตรา 4A แห่ง The Criminal Procedure (Insanity) Act 1964 ซึ่งเพิ่มเติมขึ้นโดย The Criminal Procedure (Insanity and Unfitness to Plead) Act 1991 โดยหลั กเกณฑ์ของ มาตรการพิเศษดังกล่าวนั้น กําหนดให้ คณะลูกขุนสามารถพิจารณาจาก พยานหลักฐานที่คู่ความได้ แสดงต่อศาลไว้แล้วในระหว่างพิจารณาคดีหรือจากพยานหลักฐานที่อาจถูก อ้างโดยโจทก์หรือโดย บุคคลที่ศาลกําหนดให้เป็นผู้ต่อสู้คดีแทนจําเลยว่า จําเลยที่เป็นผู้วิกลจริตนั้น ได้กระทำหรืองดเว้น กระทำการอันเป็นความผิดตามที่ถูกฟูองร้องหรือไม่ ซึ่งถ้าหากไม่อาจพิสูจน์ได้ว่า จําเลยเป็นผู้กระทำ ความผิดหรืองดเว้นกระทำการใดๆ ทำให้เกิดความเสียหายเกิดขึ้น คณะลูกขุน ก็จําต้องมีคําชี้ขาดให้ ปล่อยตัวจําเลยไป ถ้าหากภายหลังจากการพิจารณาจากพยานหลักฐานที่ปรากฏแล้ว คณะลูกขุนพบว่า จําเลยเป็นผู้กระทำความผิดหรืองดเว้นกระทำการใดๆ ทำให้เกิดความเสียหายขึ้นจริง ศาลก็มีอำนาจ ดำเนินการกับจําเลยต่อไปตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 5 แห่ง The Criminal Procedure(Insanity) Act 1964 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมขึ้นโดย Domestic Violence, Crime and Victims Act 2004 มาตรา 24 (1) โดยมาตรการพิเศษที่ให้อำนาจคณะลูกขุนในการพิจารณาความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงระหว่าง จําเลย ผู้วิกลจริตกับการกระทำความผิดอาญาตามมาตรา 4A แห่ง The Criminal Procedure (Insanity) Act 1964 ดังกล่าวนั้น อาจเรียกได้ว่า “การไต่สวนข้อเท็จจริง หรือ Trial of Fact” กระบวนการลำดับถัดมาภายหลังจากที่ศาลและคณะลูกขุนพิจารณาได้ความว่า จําเลยผู้ วิกลจริตนั้น เป็นผู้กระทำความผิดหรืองดเว้นกระทำการใดๆ อันเป็นความผิดตามที่ถูก กล่าวหาตาม มาตรา 4A จริง มาตรา 5 แห่ง The Criminal Procedure (Insanity) Act 1964 ก็ได้ให้อำนาจแก่ ศาลในการออกคำสั่งให้ส่งตัวจําเลยผู้วิกลจริตไปรักษาในโรงพยาบาลโดยอาจกำหนด เงื่อนไขไว้ใน คำสั่งหรือจะไม่ก็ได้ หรือศาลอาจออกคำสั่งคุมประพฤติจําเลย หรืออาจออกคำสั่งให้ปล่อยตัวจําเลย โดยเด็ดขาดก็ได้ แต่ก่อนที่ศาลจะออกคำสั่งอย่างหนึ่งอย่างใดตามมาตรา 5 ดังกล่าว เพื่อประโยชน์ แห่งความยุติธรรม มาตรา 5A (2) แห่ง The Criminal Procedure(Insanity) Act 1964 ซึ่งแก้ไข เพิ่มเติมขึ้นโดย Domestic Violence, Crime and Victims Act 2004 มาตรา 24 (1) ศาลอาจมี คำสั่งให้ส่งตัวจําเลยไปตรวจที่โรงพยาบาลเพื่อขอรายงานผลการตรวจสภาพจิตของจําเลยได้ ตาม มาตรา 35 แห่ง The Mental Health Act 1983 หรือหากจําเลยต้องถูกคุมขังในระหว่าง การ พิจารณาหรือระหว่างการรอฟังคําพิพากษาของศาล ศาลมีอำนาจออกคำสั่งให้ส่งตัวจําเลยไป รักษาที่ โรงพยาบาลแทนการคุมขัง ตามมาตรา 36 แห่ง The Mental Health Act 1983 แต่ในกรณี เช่นนี้ ต้องมีหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษรหรือโดยวาจาจากแพทย์ที่ได้รับการจดทะเบียนตั้งแต่ 2คนขึ้น ไป ว่า จําเลยมีอาการผิดปกติทางจิตถึงขั้นสมควรที่จะเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลและโรงพยาบาล มี วิธีการรักษาที่เหมาะสมแก่ตัวจําเลย กรณีที่จําเลยไม่พอใจคำสั่งของศาลที่ให้ส่งตัวจําเลยไปรักษา ณ โรงพยาบาล หรือคำสั่ง ของศาลให้คุมความประพฤติจําเลยตามมาตรา 5 แห่ง the Criminal Procedure (Insanity) Act 1964 หรือเห็นว่าคำสั่งดังกล่าวไม่ถูกต้อง จําเลยที่ต้องถูกบังคับตามคำสั่งอาจอุทธรณ์ คำสั่งดังกล่าว ต่อศาลอุทธรณ์ได้ทันที ทั้งนี้ ตาม The Criminal Appeal Act 1968 มาตรา 16A ซึ่งบัญญัติเพิ่มเติม ขึ้นโดย Domestic Violence, Crime and Victims Act 2004 มาตรา 25 แต่ทั้ งนี้ การอุทธรณ์
Made with FlippingBook
RkJQdWJsaXNoZXIy Mzk3MzI3