2566-3-ปวริศา เอียดทิม-วิทยานิพนธ์

53 พระราชบัญญัติฉบับนี้ถูกบัญญัติขึ้นในปี 2003 อันเนื่องมาจากการที่มีบุคคล วิกลจริตคนหนึ่งได้บุกเข้าไปในโรงเรียนประถมแห่งหนึ่งและได้สังหารเด็กนักเรียน จำนวน 8 คนใน เดือนมิถุนายน ปี 2003 กฎหมายฉบับใหม่นี้ได้นำวิธีการผสมผสานมาตรการทางแพ่งและทางอาญา มาใช้บังคับ โดยมีศาลในระดับ District เป็นผู้วินิจฉัยว่าบุคคลนี้ควรที่ถูกบำบัดรักษาหรือไม่โดยมีการ จัดตั้งคณะผู้เชี่ยวชาญซึ่งประกอบด้วย ผู้พิพากษาและจิตแพทย์ 1) วัตถุประสงค์ของกฎหมาย พระราชบัญญัติฉบับนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อจะจัดให้ บุคคลที่มีอาการโรคจิต เช่น จิตเภท (schizophrenia) อารมณ์ผิดปกติ เป็นต้น บุคคลที่มีลักษณะของ ปัญญาอ่อน (mental retardation) หรือจิตฟั่นเฟือน ซึ่งมีอาการประสาทหลอน (hallucination) หลงผิด (delusion) จะได้รับการรักษาและดูแล รวมทั้งฟื้นฟูบุคคลเหล่านี้ให้สามารถอยู่ในสังคมได้ อันเป็นหน้าที่ของรัฐบาล จังหวัดและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่จะต้องสนับสนุนให้บุคคลที่มี อาหารของโรคจิตหรือจิตบกพร่องได้รับการรักษาพยาบาล รวมทั้งให้การศึกษาและจัดสวัสดิการ ให้ บุคคลเหล่านี้มีอาการดีขึ้นสามารถอยู่ร่วมกับบุคคลอื่นๆ ในสังคมได้ 2) หลักการและเงื่อนไขในการใช้กฎหมาย พระราชบัญญัติบำบัดทางการแพทย์ และควบคุมดูแลบุคคลวิกลจริตที่ก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรงของญี่ปุ่นใช้บังคับกับผู้กระทำความผิด ซึ่ง ได้กระทำความผิดร้ายแรง (serious offence) ได้แก่ ความผิดฐานฆ่าคนตาย ความผิดฐานชิงทรัพย์ ความผิดฐานทำร้ายร่างกาย ความผิดฐานวางเพลิง ความผิดเกี่ยวกับเพศ ยกเว้นในกรณีความผิดทำ ร้ายร่างกาย รวมถึงความผิดฐานพยายามกระทำความผิด 3) ความหมายของคำว่ า ความผิดปกติทางจิต บุคคลที่ มีอาการ Mental disorder คือบุคคลที่มีอาการป่วยทางจิต (Mental illness) บุคคลที่มีพัฒนาการทางจิตบกพร่อง หรือไม่สมบูรณ์ รวมถึงบุคคลที่มีพฤติกรรมผิดปกติแบบ Psychopathic disorder ได้แก่ มีสติปัญญา ความผิดปกติแต่จิตทราม 4) การบังคับใช้พระราชบัญญัติ เมื่อบุคคลที่มีอาการทางจิตได้ กระทำความผิด อาญาร้ายแรง พนักงานอัยการจะสั่ งฟ้องยังศาลชั้นต้น ( District Court ) ซึ่ งจะมี 2 วิธีในการ ดำเนินการกล่าวคือ ประการแรก พนักงานอัยการ อาจใช้ดุลพินิจสั่งไม่ฟ้อง ด้วยเหตุผลของความ วิกลจริต หรือความรู้ผิดชอบลดน้อยลง ทั้งนี้พนักงานอัยการผู้รับผิดชอบคดีที่ผู้กระทำผิดเป็นบุคคล วิกลจริตจะต้องนำคดีมาฟ้องต่อศาลชั้นต้น อย่างไรก็ดีพนักงานอัยการย่อมใช้ดุลพินิจ ( discretion ) ตามมาตรา 248 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ในการที่จะฟ้องผู้กระทำความผิดที่มี อาการทางจิตหรือวิกลจริตหรือไม่ก็ได้ โดยส่วนใหญ่พนักงานอัยการจะไม่ฟ้องผู้กระทำซึ่งมีอาการทาง จิต แต่จะส่งตัวไปยังโรงพยาบาลโรคจิต (mental hospital) พนักงานอัยการของประเทศญี่ปุ่นหาได้ มีบทบาทเพียงแค่สอบสวนกับฟ้องคดีเท่านั้น แต่หากมีบาบาทไปตลอดถึงการบังคับคดีตามคำ พิพากษาของศาลด้วย กล่าวคือ การลงโทษแก่ผู้ต้องหาทุกรายจะต้องกระทำไปภายใต้การดูแลกำกับ ของพนักงานอัยการเสมอ หากมีปัญหาใดๆ เกิดขึ้นในชั้นบังคับคดีพนักงานอัยการจะเป็นผู้วินิจฉัย ปัญหานั้นๆ แล้วเสนอรายงานต่อศาลเพื่อขอความเห็นชอบต่อไป เช่น ในกรณีที่ผู้ต้องโทษเกิดวิกลจริต

RkJQdWJsaXNoZXIy Mzk3MzI3