2566-3-ปวริศา เอียดทิม-วิทยานิพนธ์
70 ทัณฑสถานแต่อย่างไร ด้วยเหตุนี้เอง ผู้วิจัยจึงแบ่งแยกเกณฑ์ปัญหาและเสนอความคิดเห็นในการหา ทางออกเพื่อแก้ไขปัญหาในการคุ้มครองสิทธิของผู้ต้องขังที่ป่วยทางจิตเวชระหว่างการคุมขังใน เรือนจำ/ทัณฑสถานเพื่อเป็นแนวทางสำหรับใช้บังคับในประเทศไทย ไว้ดังนี้ 4.1 ปัญหาการคัดกรองผู้ต้องขังที่ป่วยทางจิตเวชในเรือนจำ การจำแนกลักษณะผู้ต้องขังในเรือนจำของประเทศไทยในปัจจุบันนั้น ดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่ และคณะกรรมการการจำแนกลักษณะผู้ต้องขังที่แต่งตั้ งโดยผู้บัญชาการเรือนจำแต่ละแห่ง มี วัตถุประสงค์เพื่อเป็นประโยชน์ในการจัดชั้น จัดกลุ่ม ควบคุม แยกคุมขัง แก้ไข บำบัดฟื้นฟู และพัฒนา พฤตินิสัยผู้ต้องขังให้กลับตนเป็นคนดี และการเตรียมความพร้อมก่อนปล่อยตัวผู้ต้องขัง โดยที่การ จำแนกลักษณะของผู้ต้องขังแต่ละรายนั้นจะมีการคำนึงถึงโทษและพฤติการณ์ในการกระทำความผิด ลักษณะความผิด ความรุนแรงของคดี การกระทำความผิดที่ได้กระทำมาก่อนแล้ว ความประพฤติและ วินัยในระหว่างคุมขัง ตลอดจนระยะเวลากำหนดโทษคุมขังที่เหลืออยู่ของผู้ต้องขังแต่ละราย ซึ่ง เท่ากับว่าผู้ต้องขังแต่ละคนนั้นจะมีได้รับการจำแนกที่แตกต่างกัน ผู้ต้องขังที่เป็นคู่คดีกันอาจจะไม่ได้ รับการจำแนกให้อยู่ในการจัดชั้นประเภทเดียวกันก็เป็นไปได้ อย่างไรก็ดีการจำแนกลักษณะผู้ต้องขัง ดังกล่าวนี้เป็นการจำแนกลักษณะผู้ต้องขังจากพฤติการณ์ความผิดที่ผู้ต้องขังแต่ละรายได้กระทำไว้ และการจำแนกลักษณะผู้ต้องขังตามสภาพร่างกาย ดังเช่นผู้ต้องขังกลุ่มเปราะบาง (ผู้ต้องขังกลุ่ม 608) ที่จะได้รับการจำแนกคัดกรองเป็นกรณีพิเศษ แต่หากเป็นการเจ็บป่วยทางด้านสภาพจิตใจนั้นยังไม่มี ระบุชัดเจนว่าได้มีการจำแนกเพื่อดูแลคุ้มครองสิทธิเป็นกรณีพิเศษ ตามพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ. 2560 นั้น ไม่ได้มีระบุชัดเจนเกี่ยวกับการจำแนกลักษณะ ผู้ต้องขังที่ป่วยจิตเวช ว่าจะจัดแยกบุคคลประเภทซึ่งถือว่าเป็นผู้ป่วยไว้อย่างไร มีเพียงระบุไว้บางส่วน ว่าในรายที่มีอาการที่ส่อแววว่าป่วยจิตเวชนั้นจะให้ได้รับการรักษาต่อจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ แต่ไม่ได้ ระบุว่าผู้ต้องขังที่ป่วยจิตเวชนั้นจะได้รับการจัดกลุ่มเพื่อแยกการคุมขังออกมาจากกลุ่มผู้ต้องขังที่สภาพ จิตใจปกติ ซึ่งหมายความได้ว่าผู้ต้องขังที่ถูกคุมขังในเรือนจำนั้นปัจจุบันอยู่ปะปนรวมกันทั้งผู้ต้องขังที่ สภาพจิตใจปกติและผู้ต้องขังซึ่งเป็นผู้ป่วยจิตเวช ซึ่งอาจส่งผลเสียโดยตรงต่อตัวผู้ต้องขังที่มีสภาพ จิตใจที่ปกติดีและกลุ่มเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่ภายในเรือนจำ เพราะหากกลุ่มผู้ต้องขังที่ป่วยจิตเวช เกิดอาการอาวะวาด หรือคลุ้มคลั่งทำร้านร่างกายตนเองหรือผู้อื่นนั้น จะเป็นการยากที่จะควบคุมได้ เนื่องจากปัจจุบันพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ. 2560 ได้วางหลักเกี่ยวกับการลงโทษผู้ต้องขังไว้เพียง แค่การลดชั้น การงดเยี่ยม ซึ่งเป็นการจัดการภายหลังจากเกิดเหตุแล้วเท่านั้น แต่ในขณะที่ผู้ต้อง อาละวาดนั้นเจ้าหน้าที่ไม่มีสิทธิใช้กำลังบังคับแก่ผู้ต้องขังได้ เว้นแต่กรณีปกป้องตัวเองหรือผู้ต้องขังทำ การหลบหนีโดยใช้กำลังทางตรงหรือโดยทางอ้อม แต่เจ้าหน้าที่มีสิทธิจะใช้กำลังบังคับได้เพียงเท่าที่ จำเป็นและเหมาะสมกับพฤติการณ์เท่านั้น ไม่อาจใช้ความรุนแรงจนเกิดแก่เหตุได้ อย่างไรก็ดีเมื่อวันที่ 4 มกราคม 2566 กรมราชทัณฑ์ได้มีการจัดการประชุมผู้บริหารครั้งที่ 2/2566 ขึ้นและได้มีการกำหนดเรื่องการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังป่วยจิตเวช ตั้งแต่กระบวนการแรกรับจน พ้นโทษ ไว้ในระเบียบวาระที่ 3 โดยมีเนื้อหาสาระ ดังนี้ การดำเนินการตรวจประเมินภาวะสุขภาพจิต ผู้ต้องขังและการส่งเสริมสุขภาพจิตผู้ต้องขัง ให้เจ้าหน้าที่ทีมสุขภาพจิตในเรือนจำและทัณฑสถาน
Made with FlippingBook
RkJQdWJsaXNoZXIy Mzk3MzI3