2566-3-สุพิชญา มูสิกะศิริ-วิทยานิพนธ์
156 กำหนดชัดเจนว่าให้เจ้าอาวาสปรึกษาสงฆ์ในวัดก็เพื่อยึดถือประโยชน์ส่วนใหญ่ของพระสงฆ์ในวัดและ รับฟังความคิดเห็น แต่กรณีของกรรมการวัด ไม่ได้มีการกำหนดขั้นตอนวิธีการแต่งตั้ง คุณสมบัติ อำนาจและหน้าที่ของกรรมการวัด ดังนั้นหากมีกฎหมายให้อำนาจชุมชนเป็นคณะกรรมการบริหาร การเงินเพื่อประโยชน์ในการพัฒนาวัดให้เป็นไปโดยสุจริตและโปร่งใส เพื่อนำเงินบริจาคไปใช้ ประโยชน์ในกิจการพระศาสนาตรงตามวัตถุประสงค์ของผู้บริจาค อย่างไรก็ดี กฎกระทรวงการดูแลรักษาและจัดการศาสนสมบัติของวัด พ.ศ. 2564 มิได้กำหนด รูปแบบการบริหารจัดการและตรวจสอบทรัพย์สินของวัด และการเผยแพร่ต่อสาธารณะทำให้แต่ละวัด มีการบริหารจัดการที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับเจ้าอาวาส ไวยวัจกร คณะกรรมการเป็นผู้ กำหนด ส่งผล ให้เมื่อมีมติมหาเถรสมาคมครั้งที่ 18/2558 มติที่ 407/2558 ขอความร่วมมือจากเจ้าคณะผู้ปกครอง สั่งการให้เจ้าอาวาสวัดรายงานทางการเงินและทรัพย์สินของวัดส่งต่อสำนักงานพระพุทธศาสนา แห่งชาติ โดยเริ่มดำเนินการตั้งแต่ปีงบประมาณ 2550 เป็นต้นมา แต่พบปัญหาการบริหารการเงินของ วัด การรายงานทางการเงินที่ยังไม่เป็นมาตรฐาน และการเก็บข้อมูลการเงินของวัดไม่ครบถ้วน ซึ่ง หน่วยงานที่ควรมีบทบาทในการรวบรวมข้อมูลโดยเฉพาะสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ยังไม่ สามารถรวบรวมข้อมูลการเงินของวัดไทยได้อย่างเป็นระบบ จากช่องว่างของกฎหมายสะท้อนให้เห็น ว่าวัดขาดโครงสร้างการบริหารการเงินที่เป็นระบบ การเปิดเผยข้อมูลทางการเงินของวัดยังอยู่ใน วงจำกัด ส่วนมากมักทำรายงานทางการเงินและจัดเก็บไว้เอง ที่วัดมิได้เผยแพร่ให้สาธารณชนได้รับ ทราบ หากมีการเผยแพร่ก็เป็นรูปแบบในวงจำกัด กฎหมายที่บังคับใช้อยู่ในปัจจุบันให้อำนาจหน้าที่อยู่ ในความรับผิดชอบของเจ้าอาวาสทั้งหมด ทำให้อาจเกิดปัญหาจากกลุ่มนายทุนหรือคนที่มุ่งแสวงหา ประโยชน์จากศาสนสมบัติของวัดได้ ดังนั้นเพื่อประโยชน์ในการรักษาทรัพย์สินของวัด การแต่งตั้ง คณะกรรมการวัดควรเปิดโอกาสให้ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วม เพื่อถ่วงดุลอำนาจของเจ้าอาวาส และเปิด โอกาสให้ผู้ที่มีความสามารถเข้าร่วมในการบริหารเพื่อความโปร่งใสและตรวจสอบได้ในภายหลัง เปรียบเทียบกับกรรมการประจำมัสยิดของศาสนาอิสลาม จะเห็นถึงรูปแบบวิธีการเลือกบุคคลเข้า มาเป็นกรรมการอย่างชัดเจน พระราชบัญญัติการบริหารองค์กรศาสนาอิสลาม พ.ศ.2540 มาตรา 30 ให้มีคณะกรรมการ อิสลามประจำมัสยิดคณะหนึ่ง ประกอบด้วย 1) อิหม่ามเป็นประธานกรรมการ 2) คอเต็บเป็นรองประธานกรรมการ 3) บิหลั่นเป็นรองประธานกรรมการ 4) กรรมการอื่นตามจำนวนที่ที่ประชุมสัปปุรมประจำมัสยิดนั้นกำหนดจำนวนไม่น้อยกว่าหกคน แต่ไม่เกินสิบสองคน
Made with FlippingBook
RkJQdWJsaXNoZXIy Mzk3MzI3