2566-3-สุพิชญา มูสิกะศิริ-วิทยานิพนธ์
17 คณะกรรมการขึ้นมาเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบต่อไป (ไทยรัฐออนไลน์, 2566) จากกรณีตัวอย่างเห็นว่า 1.มีช่องว่างของกฎหมาย ไม่มีกลไกการตรวจสอบและถ่วงดุลอำนาจเจ้า อาวาสทำให้ขาดการสะท้อนภาพรวมของการบริหารการเงินวัด ทำให้เกิดการยักยอกได้และ2.เนื่องจาก พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ.2505 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2535 มาตรา 37-38 ว่าด้วยอำนาจ ของเจ้าอาวาสและระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมการทำหน้าที่ของเจ้าอาวาสได้มีการตราขึ้นเป็น เวลานานไม่เคยมีการแก้ไข ทำให้ไม่สอดคล้องกับสภาพทางสังคมและเศรษฐกิจในปัจจุบัน ซึ่งเป็นเรื่อง สำคัญสำหรับวัดในพระพุทธศาสนาในสังคมสมัยใหม่ วัดเป็นสถาบันการกุศลมีรายได้จากการรับบริจาคและจากการทำกิจกรรมทางศาสนา วัดจึงต้อง จัดทำบัญชีตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ.2505 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2535เพื่อให้ทราบถึง การเปลี่ยนแปลงของฐานะการเงิน การบริหารจัดการ การควบคุมภายใน และสามารถตรวจสอบได้ ซึ่ง การจัดทำบัญชีของวัดนั้นต้องมีการเปิดเผยข้อมูลสำนักพระพุทธศาสนา ทั้งนี้ ข้อมูลที่แสดงในรายงาน ทางการเงินควรมีความถูกต้อง โดยสำนักพระพุทธศาสนากำหนดให้วัดต้องจัดทำบัญชีตามรูปแบบที่ กำหนดไว้ในคู่มือไวยาวัจกร เพื่อให้วัดถือปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎกระทรวงพ.ศ. 2564 ว่าด้วยการดูแล รักษาจัดการศาสนสมบัติวัดให้เป็นไปด้วยดี แต่กฎหมายทั้งสองฉบับระบุเพียงว่า พระราชบัญญัติคณะ สงฆ์ พ.ศ. 2505 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2535 มาตรา 40 วรรคสาม บัญญัติว่า “การดูแลรักษา และจัดการศาสนสมบัติของวัดให้เป็นไปตามวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง” ซึ่งเป็นการกำหนดอำนาจ ในการบริหารจัดการวัดโดยเจ้าอาวาสและกฎกระทรวงการดูแลรักษาและจัดการศาสนสมบัติของวัด พ.ศ. 2564 ข้อ 7 “ การเก็บรักษาเงินของวัดในส่วนที่เกินหนึ่งแสนบาทขึ้นไป ให้เก็บรักษาโดยฝาก ธนาคารในนามของวัด หรือวิธีการอื่นใดตามที่มหาเถรสมาคมกำหนด การดูแลรักษาและจัดการเงินการ กุศลที่มีผู้บริจาค ให้เป็นไปตามความประสงค์ของผู้บริจาค”เห็นได้ว่าพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2505แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2535และกฎกระทรวงก็ไม่ได้บัญญัติถึงการใช้ระเบียบ กระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกเงินจากคลัง การรับเงิน การจ่ายเงิน การเก็บรักษาเงิน และการนำเงิน ส่งคลัง พ.ศ. 2562 มาปรับใช้ในการบริหารจัดการทรัพย์สินของวัด ดังนั้นให้เป็นอำนาจของเจ้าอาวาส หรือตัวแทนที่จะจัดการหาประโยชน์ของวัดไปโดยลำพัง ไม่ต้องอยู่ในความควบคุมของหน่วยงานทาง ราชการซึ่งถ้าเจ้าอาวาสไม่สอดส่องดูแลอย่างทั่วถึง วัดอาจตกเป็นแหล่งฟอกเงินของกลุ่มมิจฉาชีพได้ เห็นได้จากกรณีที่เจ้าหน้าที่รัฐหรือบุคคลทั่วไปแจ้งกับพระว่า จะนำเงินมาถวายให้วัด 1 ล้านบาท แต่รับ จริงไว้เพียง 5 แสนบาท อ้างว่าเงินจำนวนนี้มีหลายวัดที่จะต้องได้รับด้วย พระที่เป็นเจ้าอาวาสที่ไม่รู้จึง เซ็นรับไว้ทั้งหมด ส่วนอีกห้าแสนบาทไม่ได้รับ เพราะถูกอ้างว่าจะต้องนำกลับไปให้ที่วัดอื่นทำให้พระถูก กล่าวหาว่าร่วมกันฟอกเงิน ความไม่รู้ทำให้พระตกเป็นเครื่องมือ (อนุชา ช้างน้อย, 2562) หรือถ้าเป็น กรณีที่พระรู้ความจริง และร่วมมือโดยเข้าใจกระบวนการการฟอกเงินส่งผลให้วัดอาจเป็นสถานที่ฟอกเงิน ที่ได้มาจากการกระทำความผิดได้ ดังนั้นจำเป็นต้องศึกษาระบบการบริหารเงินของวัดให้ชัดเจนเพื่อให้
Made with FlippingBook
RkJQdWJsaXNoZXIy Mzk3MzI3