หนังสือ คำอธิบายกฎหมาย สำหรับพยาบาล

หนังสือกฎหมายสำหรับพยาบาล 35 ในขณะที่บางประเทศ เช่น ประเทศฝรั่งเศส สิงคโปร์ ได้ออกกฎหมายกำหนดให้แพทย์สามารถนำ อวัยวะบางอย่าง เช่น ไต ออกจากร่างของผู้ป่วยที่สมองตายได้ โดยถือเป็นข้อสันนิษฐานว่า “คนตาย ทุกคนเป็นผู้บริจาคอวัยวะ” แพทย์จึงดำเนินการนำอวัยวะไปปลูกถ่ายได้ เว้นแต่จะมีการแสดงเจตนา ไว้ว่าไม่ยินยอมบริจาค สำหรับประเทศไทยนั้นปัญหาการวินิจฉัยการตายในกรณีสมองตายได้เกิดเป็น คดีขึ้นสู่การพิจารณาของศาลครั้งแรก ในปี พ.ศ. ๒๕๔๘ โดยในคดีดังกล่าวพนักงานอัยการและญาติ ของผู้ป่วยที่เสียชีวิตได้ร่วมกันเป็นโจทก์ยื่นฟ้องแพทย์และเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลแห่งหนึ่งใน ความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ในคดีนี้โจทก์ฟ้องว่าจำเลยได้ร่วมกันผ่าตัดเอาไตและตับของ คนไข้ทั้งสองออกไปขณะที่คนไข้ยังไม่ถึงแก่ความตายนำอวัยวะไปปลูกถ่ายให้ผู้ป่วยรายอื่นเป็นเหตุให้ คนไข้ทั้งสองถึงแก่ความตาย 23 โดยสรุปคำพิพากษาได้ ดังนี้ “ เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๘ ศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษา โดยสรุปว่า ศาลเห็นว่าผู้ป่วยทั้งสองรายนั้น ประสบอุบัติเหตุบาดเจ็บที่ศีรษะซึ่งแพทย์ตรวจแล้วพบว่าฐานสมองแตกหักและสมองได้รับความ กระทบกระเทือนอย่างรุนแรงทำให้แกนสมองเคลื่อนไปมีผลทำให้ผู้ป่วยทั้งสองรายนี้แกนสมองตายไม่ รู้สึกตัวและไม่หายใจ โดยแพทย์ประสาทศัลยศาสตร์ได้ตรวจและวินิจฉัยผู้ป่วยทั้งสองรายนี้ จำนวน ๒ ครั้ง มีระยะเวลาห่างกันเกินกว่า ๖ ชั่วโมง ซึ่งเกณฑ์การตรวจและวินิจฉัยสมองตายนั้นกระทำโดยการ ตรวจสมองตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในประกาศของแพทยสภาว่าด้วยเรื่องเกณฑ์การตรวจ และ วินิจฉัยสมองตาย พบว่าผู้ป่วยทั้งสองรายนี้แกนสมองตาย ไม่รู้สึกตัวและไม่หายใจอย่างแน่นอน แม้ หัวใจยังเต้นอยู่ก็โดยอาศัยเครื่องช่วยหายใจ มิได้เต้นเองตามธรรมชาติ จึงถือได้ว่าการดำรงอยู่ของชีวิต ผู้ป่วยทั้งสองรายนี้สิ้นสุดลง กล่าวคือ ผู้ป่วยทั้งสองรายนี้สิ้นชีวิตหรือถึงแก่ความตายตั้งแต่ครั้งแรกที่ไม่ หายใจแล้วและโจทก์ไม่มีหลักฐานใดมาสืบให้เห็นได้ว่ามีการใช้ยาหรือมีการทำโดยประการใด ๆ ทำให้ ผู้ป่วยทั้งสองรายนี้แกนสมองตายโดยเจตนา ข้อเท็จจริงจึงรับฟังได้ว่าผู้ป่วยทั้งสองรายนี้ประสบ อุบัติเหตุและถึงแก่ความตายแล้วก่อนจะมีการผ่าตัดนำอวัยวะออกไป การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็น ความผิดฐานฆ่าผู้อื่น ต่อมาศาลอุทธรณ์พิจารณแล้วและได้มีคำพิพากษายืนตามคำพิพากษาของศาล ชั้นต้ น 24 ต่อมาในวันที่ 28 กันยายน 2559 ศาลฎีกาได้มีคำพิพากษายกฟ้อง โดยสรุปว่า ขณะที่ศาล ฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือกันแล้ว โจทก์ร่วมฎีกาถึงปัญหาการเสียชีวิตตามกฎหมาย ศาล เห็นว่าการตาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ต้องเป็นการทำให้ตาย แต่ก็ไม่มีกฎหมายใด บัญญัติลักษณะการตายไว้ชัดแจ้ง จึงต้องให้แพทย์เป็นผู้วินิจฉัยการตาย ซึ่งแพทยสภา ออกประกาศ เกี่ยวกับการวินิจฉัยโดยมีประเด็นเรื่องแกนสมองถูกทำลายจนสิ้น ไม่สามารถทำให้ระบบหัวใจทำงาน ได้ และร่างกายขาดออกซิเจน หากขาดเครื่องช่วยหายใจ ร่างกายจะขาดการตอบสนอง ซึ่งกรณีของ 23 อวิการัตน์ นิยมไทย. (ก.ค.-ส.ค. 2556). การตายทางการแพทย์หรือสมองตาย (Brain Death). <https://www.senate.go.th/assets/portals/93/fileups/272/files/S%E0%B9%88ub_Jun/10reform/reform31.pdf > สืบค้นเมื่อ 8 มกราคม 2567. 24 อวิการัตน์ นิยมไทย. (ก.ค.-ส.ค. 2556). อ้างแล้ว.

RkJQdWJsaXNoZXIy Mzk3MzI3