วารสารวิชาการนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ
9. คดีที่ผู้ร้องยื่นคำ�ร้องขอให้ผู้อำ�นวยการสถานพินิจคืนเงินค่าขายที่ดินที่ บิดามารดา ผู้ร้องยกให้ ส. ผู้เยาว์ให้แก่ผู้ร้องบางส่วน ไม่เป็นคดีครอบครัวตาม มาตรา 10(3) (เทียบ ยช.9/2539) 10. คดีที่ไม่ใช่คดีครอบครัวไม่อยู่ในอำ�นาจพิจารณาพิพากษาของศาลเยาวชน และครอบครัว ข้อสังเกตบางประการของคดีครอบครัว 1. คดีโจทก์ฟ้องจำ�เลยต่อศาลธรรมดาและจำ�เลยฟ้องแยกเป็นคดีครอบครัว ศาลที่มีอำ�นาจพิจารณาธรรมดาจะรับฟ้องแยกไว้พิจารณาไม่ได้ (เทียบ ฎ.2141/2516) 2. คดีที่อยู่ในอำ�นาจพิจารณาพิพากษาของศาลเยาวชนและครอบครัว จำ�เลย ให้การและฟ้องแย้ง เป็นคดีที่อยู่ในอำ�นาจของศาลเยาวชนและครอบครัว ศาลนั้น รับฟ้องแย้งของจำ�เลยไว้พิจารณารวมกับฟ้องเดิมของโจทก์ได้ เพราะฟ้องเดิมและ ฟ้องแย้งเป็นคดีที่อยู่ในอำ�นาจศาลเยาวชนและครอบครัวด้วยกัน 24 พระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและ ครอบครัว พ.ศ. 2553 หมวด 13 ว่าด้วยการพิจารณาคดีครอบครัว จึงได้บัญญัติไว้ใน มาตรา 146 ว่า การพิจารณาคดีครอบครัวนั้น ไม่ว่าการพิจารณาคดีจะได้ดำ�เนิน ไปแล้วเพียงใด ให้ศาลพยายามเปรียบเทียบให้คู่ความได้ตกลงกันหรือประนีประนอม กันในข้อพิพาท โดยคำ�นึงถึงความสงบสุขและการอยู่ร่วมกันในครอบครัว เพื่อการ นี้ให้ศาลคำ�นึงถึงหลักการดังต่อไปนี้ เพื่อประกอบดุลยพินิจด้วย คือ 1. การสงวนและคุ้มครองสถานภาพของการสมรสในฐานะที่เป็นศูนย์รวมของ ชายและหญิงที่สมัครใจเข้ามาอยู่กินด้วยกันฉันสามีภริยา หากไม่อาจรักษาสถานภาพ ของการสมรสได้ก็ให้การหย่าเป็นไปด้วยความเป็นธรรมและเสียหายน้อยที่สุด โดย คำ�นึงถึงสวัสดิภาพและอนาคตของบุตรเป็นสำ�คัญ 2. การคุ้มครองและช่วยเหลือครอบครัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในขณะที่ ครอบครัวนั้นต้องรับผิดชอบในการดูแลให้การศึกษาแก่บุตรที่เป็นผู้เยาว์ 24 เทียบคำ�วินิจฉัย ยช.6/2542, ยช.31/2542 วารสารวิชาการนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ ปีที่ 4 ฉบับที่ 6 มกราคม - ธันวาคม 2556
Made with FlippingBook
RkJQdWJsaXNoZXIy Mzk3MzI3