วารสารวิชาการนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ
สิ่งที่กล่าวมาข้างต้นนี้เหมือนจะเป็นเรื่องดี แต่กลับมีบางอย่างที่ไม่สมเหตุสมผล อย่างวิธีปฏิบัติในหน่วยงานทางการเงิน และรวมถึงการเพิ่มขึ้นของสถาบันการเงิน อย่างรวดเร็วสินเชื่อต่างประเทศที่เข้ามามาก ความไว้วางใจบนเครือข่ายไม่เป็นทางการ เพื่อทำ�ธุรกิจมีมากการไม่ค่อยสนใจต่อการวิเคราะห์สินเชื่อ และการมีอยู่ของนโยบาย การเงิน ซึ่งสาเหตุหลัก ๆ ของวิกฤติทางการเงินดังกล่าว ถูกแจกแจงไว้ดังนี้ 1) จุดอ่อนเรื่องพื้นฐานเศรษฐศาสตร์มหภาคในประเทศ (Domestic Macroeconomic) ที่ก่อให้เกิดบัญชีขาดดุลในปัจจุบัน ประเทศไทยประสบภาวะบัญชีขาดดุลอย่างต่อเนื่องอยู่ในช่วงระหว่าง -5.08% ถึง -8.10% ของอัตราการเติบโตเศรษฐกิจ (GDP) ซึ่งเหตุผลหลัก คือ การประเมินค่า ของเงินบาทไทยเกินจริง การจัดการอัตราแลกเปลี่ยนที่ไม่เหมาะสม และอุปสงค์ที่ถูก กระตุ้นโดยการเติบโตทางเศรษฐกิจ เช่น ประชากรได้ค่าจ้างสูงขึ้นมาก ขณะที่เงินเฟ้อ ยังคงต่ำ�อยู่วิธีคำ�นวณอัตราแลกเปลี่ยนของรัฐบาลไทยก่อนเกิดวิกฤตินั้นยึดเอา การแปลงจากเงินบาทไทยไปเป็นดอลลาร์สหรัฐอเมริกา ค่าเงินบาทผันผวนน้อยมาก ระหว่าง 24.91 ถึง 25.59 บาทต่อดอลลาร์ แต่เมื่อรัฐบาลเปิดให้มีการกู้ยืมเงินสกุล ต่างชาติ โดยออก Bangkok Interntional Banking Facility (BIBF) ซึ่งบริษัทและ สถาบันการเงินของไทยนำ�ไปใช้บรรเทาในระยะสั้น การที่ไม่ปล่อยให้เงินบาทปรับ ตามกลไกธรรมชาติจากสกุลเงินต่างชาติที่เข้ามา ทำ�ให้ค่าของเงินบาทยังคงอยู่ในระดับสูง อย่างหลอก ๆ 2) การประเมินตลาดอสังหาริมทรัพย์ สินเชื่อต่างประเทศมากมายถูกนำ�เสนอต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ใน ประเทศไทย นักเก็งกำ�ไรซื้ออสังหาริมทรัพย์จำ�นวนมากไว้ขึ้นโครงการซึ่งคาดว่าราคา จะสูงขึ้นในอนาคตอันใกล้ในขณะเดียวกัน การขยายตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์ ที่สูงขึ้นโดยอุปสงค์ของเหล่านักเก็งกำ�ไรเองนำ�พวกเขาไปสู่ความเชื่อที่ว่าตลาดกำ�ลังโต อย่างผิด ๆ เมื่อในความเป็นจริง ตลาดไม่ได้โตขึ้นเลยนักลงทุนจึงเริ่มเทขายและทำ�ให้ ราคาของอสังหาริมทรัพย์ดิ่งลง ซึ่งเงินกู้ที่เกิดขึ้นกลับยังต้องชดใช้ และเจ้าหนี้ของ เงินกู้นี้ก็คือบริษัทการเงินนั่นเอง วารสารวิชาการนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ ปีที่ 4 ฉบับที่ 6 มกราคม - ธันวาคม 2556
Made with FlippingBook
RkJQdWJsaXNoZXIy Mzk3MzI3