วารสารวิชาการนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ

จำ�เลยเรียกและรับเงินไปจากผู้เสียหายเพื่อเป็นการตอบแทนในการที่จะจูงใจ เจ้าพนักงานในตำ�แหน่งพนักงานอัยการโดยวิธีอันทุจริตผิดกฎหมาย เพื่อให้กระทำ� การในหน้าที่โดยการช่วยเหลือในทางคดีให้สั่งไม่ฟ้องในคดีที่ ร. ถูกดำ�เนินคดีอาญา แม้ ธ. จะมิได้เป็นพนักงานอัยการเจ้าของสำ�นวนในคดีนั้นและจำ�เลยยังมิได้ให้เงินกัน ก็ตาม ก็ถือว่า ธ. เป็นเจ้าพนักงานที่จำ�เลยจะจูงใจให้กระทำ�การในหน้าที่อันเป็น คุณแก่ ร. แล้ว การกระทำ�ของจำ�เลยจึงครบองค์ประกอบแห่งความผิดตามประมวล กฎหมายอาญา มาตรา 143 ความผิดฐานเรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินเพื่อให้เจ้าพนักงานกระทำ�ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 143 ไม่ใช่ความผิดต่อสาธารณชน แต่เป็นความผิด เกี่ยวกับรัฐโดยตรงโจทก์ร่วมจึงมิใช่ผู้เสียหายตามกฎหมาย ไม่อาจเข้าร่วมเป็นโจทก์ได้ ___________________________ โจทก์ฟ้องว่า เมื่อระหว่างปลายเดือนกันยายน 2554 เวลากลางวัน วันใดไม่ปรากฏชัด ถึงวันที่ 9 พฤศจิกายน 2554 เวลากลางวันต่อเนื่องกัน จำ�เลยกับ พวกซึ่งยังไม่ได้ตัวมาฟ้องได้กระทำ�ความผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกัน กล่าวคือ จำ�เลยกับพวกได้ร่วมกันเรียกและรับเงินอันเป็นทรัพย์สินของนาย ส. ผู้เสียหายที่ 1 และ นาง ค. ผู้เสียหายที่ 2 จำ�นวนเงิน 312,000 บาท เป็นการตอบแทนในการจูงใจพนักงาน สอบสวนสถานีตำ�รวจภูธรตำ�บลทุ่งตำ�เสา ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่รับผิดชอบ ในการสอบสวนดำ�เนินคดีอาญาในคดีที่นาย ร. ญาติผู้เสียหายที่ 2 ถูกดำ�เนินคดีใน ความผิดฐานชิงทรัพย์ ให้พ้นผิดโดยการสั่งไม่ฟ้องนาย ร. อันเป็นคุณแก่จำ�เลยกับพวก ดังกล่าวโดยผิดกฎหมาย หลังจากนั้นจำ�เลยกับพวกได้ร่วมกันเรียกเงินอีก 150,000 บาท จากผู้เสียหายทั้งสองเพื่อตอบแทนในการจูงใจพนักงานอัยการจังหวัดสงขลาให้สั่ง ไม่ฟ้อง นาย ร. ซึ่งถูกดำ�เนินคดีอาญา อันเป็นคุณแก่จำ�เลยกับพวกดังกล่าว โดยผิดกฎหมาย ขอให้ลงโทษ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 143 จำ�เลยให้การปฏิเสธ ระหว่างพิจารณา นาย ส. และนาง ค. ผู้เสียหายทั้งสองยื่นคำ�ร้องขอเข้าร่วม เป็นโจทก์ศาลชั้นต้นอนุญาต วารสารวิชาการนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ ปีที่ 4 ฉบับที่ 6 มกราคม - ธันวาคม 2556 

RkJQdWJsaXNoZXIy Mzk3MzI3