วารสารวิชาการนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ
สาระสำ�คัญที่จะทำ�ให้การกระทำ�ของจำ�เลยกลายเป็นไม่ครบองค์ประกอบความผิดไม่ เมื่อจำ�เลยรับเงินดังกล่าวไว้รวมสองครั้ง ต่างวาระกัน จึงเป็นการกระทำ�ความผิดสองกรรม คำ�พิพากษาศาลฎีกาที่ 960/2534 วินิจฉัยว่า โจทก์ได้บรรยายฟ้องไว้ชัดแจ้ง ว่าจำ�เลยกับพวกได้บังอาจร่วมกันเรียกเงิน จำ�นวน 30,000 บาท จากนางสาว ส. ผู้เสียหายเป็นการตอบแทนในการที่จำ�เลยกับพวกจะจูงใจร้อยตำ�รวจโท น. พนักงาน สอบสวนด้วยวิธีอันทุจริตให้ร้อยตำ�รวจโท น. กระทำ�การในหน้าที่พนักงานสอบสวน ให้ไม่ดำ�เนินคดีกับนาย ณ. สามีผู้เสียหายเห็นว่าเป็นการบรรยายฟ้องให้เห็นถึง การกระทำ�และเจตนาของจำ�เลยว่าจำ�เลยเจตนาเรียกเอาเงินจากผู้เสียหายเป็น ค่าตอบแทนในการที่จำ�เลยอ้างว่าจะจูงใจเจ้าพนักงานไม่ให้ดำ�เนินคดีกับสามีผู้เสียหาย และปล่อยตัวให้หลุดพ้นจากคดีข้อหาลักทรัพย์ อันถือได้ว่าเป็นการบรรยายฟ้อง ครบองค์ประกอบแห่งความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 143 แล้ว ส่วนการที่จำ�เลยจะได้ไปติดต่อหรือจูงใจเจ้าพนักงานหรือไม่ มิใช่องค์ประกอบแห่ง ความผิดอันต้องบรรยายในฟ้องสำ�หรับการบรรยายฟ้องในตอนต้นที่ว่า จำ�เลยกับ พวกบังอาจใช้อุบายหลอกลวงผู้เสียหาย โดยเอาความเท็จมากล่าวว่าจำ�เลยรู้จักกับ เจ้าพนักงานตำ�รวจ สามารถวิ่งเต้นพนักงานสอบสวนให้สามีผู้เสียหายหลุดพ้น จากคดีได้นั้น เป็นการกล่าวถึงพฤติการณ์แห่งการกระทำ�ผิดของจำ�เลยว่าได้เอาความเท็จ มากล่าวเพื่อหลอกลวงผู้เสียหายให้จ่ายเงินเป็นการตอบแทนจำ�เลยกับพวกในการ จะจูงใจเจ้าพนักงาน จะถือว่าจำ�เลยไม่มีเจตนาในการกระทำ�ผิดตามประมวลกฎหมาย อาญา มาตรา 143 หาได้ไม่ คำ�พิพากษาศาลฎีกาที่ 537/2523 วินิจฉัยว่า ปัญหาสุดท้ายที่จำ�เลยฎีกา ว่าแม้จะฟังว่าจำ�เลยเรียกร้องเงินจากนาย อ. นาง ป. ที่สุดก็ไม่มีการตอบแทนหรือจูงใจ เจ้าพนักงาน เพราะเป็นแต่เพียงอุบายของจำ�เลยเท่านั้น จำ�เลยรับเงินแล้วไม่นำ�ไปให้ การกระทำ�ของจำ�เลยน่าจะเป็นความผิดฐานฉ้อโกง ซึ่งโจทก์มิได้ฟ้อง ไม่เป็นความผิด ตามมาตรา 143 ตามฟ้องของโจทก์แต่อย่างใดนั้น เห็นว่าเมื่อข้อเท็จจริงฟังว่าจำ�เลย เรียกเงินจากนาย อ. นาง ป. เพื่อจะนำ�ไปให้ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลพิพากษายกฟ้อง ปล่อยนาย ห. บุตรของนาย อ. นาง ป. การกระทำ�ของจำ�เลยดังกล่าว แม้เป็นแต่เพียง อุบายของจำ�เลยที่เรียกเอาทรัพย์สินของนาย อ. นาง ป. ไว้เป็นของจำ�เลยเสียเอง โดยไม่ได้ตั้งใจจะเอาไปให้เจ้าพนักงานคนใดเลยดังที่จำ�เลยฎีกานั้น ก็เป็นการกระทำ�ที่ ครบองค์ความผิดเกี่ยวกับการปกครองตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 143 แล้ว วารสารวิชาการนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ ปีที่ 4 ฉบับที่ 6 มกราคม - ธันวาคม 2556
Made with FlippingBook
RkJQdWJsaXNoZXIy Mzk3MzI3