วารสารวิชาการนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ

อย่างไรก็ดี แม้ว่าจะเป็นบุคคลที่มีสิทธิตามระบบหลักประกันสุขภาพ ถ้วนหน้าแล้วก็มิได้หมายความว่าจะสามารถรับบริการทางการแพทย์ได้ทุกประเภท เพราะกฎหมายกำ�หนดประเภทและขอบเขตของบริการสาธารณสุขที่บุคคลมีสิทธิ ได้รับเอาไว้ด้วย โดยคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติได้มีมติในคราวประชุม ครั้ง 1/2545 เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2545 การกำ�หนดประเภทและขอบเขตของ บริการสาธารณสุขที่บุคคลมีสิทธิได้รับให้เป็นไปตาม ระเบียบกระทรวงสาธารณสุข ว่าด้วยหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2544 หมวด 4 ว่าด้วยการรับบริการทาง การแพทย์ ซึ่งค่าบริการทางการแพทย์สามารถแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ 1. กลุ่มที่ได้รับ ความคุ้มครอง และ 2. กลุ่มที่ไม่ได้รับความคุ้มครอง 1. กลุ่มที่ได้รับความคุ้มครอง ได้แก่ (1) การส่งเสริมสุขภาพ การป้องกันโรคและการควบคุมโรค (2) การตรวจ การวินิจฉัย การรักษา และการฟื้นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์ จนสิ้นสุดการรักษา ทั้งนี้ รวมถึงการแพทย์ทางเลือกที่ผ่านการรับรองของคณะกรรมการ (3) การคลอดบุตร รวมกันไม่เกิน 2 ครั้ง กรณีที่บุตรมีชิวิตอยู่ (กรณีบุตรคลอด แล้วรอดออกมามีชีวิต) โดยนับตั้งแต่ใช้ สิทธิในโครงการหลักประกันสุขภาพ (4) ค่าอาหาร และค่าห้องสามัญ (5) การถอนฟัน การอุดฟัน การขูดหินปูน การทำ�ฟันปลอมฐานพลาสติก การรักษาโพรงประสาทฟันน้ำ�นม และการใส่เพดานเทียมในเด็กปากแหว่งเพดานโหว่ (6) ยาและเวชภัณฑ์ตามกรอบบัญชียาหลักแห่งชาติ (7) การจัดส่งต่อเพื่อการรักษาระหว่างหน่วยบริการ (8) การบริการทางการแพทย์หรือค่าใช้จ่ายอื่นนอกเหนือจากข้อ (1) - (7) ที่คณะกรรมการกำ�หนด 2. กลุ่มที่ไม่ได้รับความคุ้มครอง ได้แก่ (ก) กลุ่มบริการที่เกินความจำ�เป็นพื้นฐาน วารสารวิชาการนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ ปีที่ 5 ฉบับที่ 7 มกราคม - ธันวาคม 2557 

RkJQdWJsaXNoZXIy Mzk3MzI3